top of page

**วันแรก กรุงเทพฯ-เฮลซิงกิ-โคเปนเฮเก้น (ไทย-ฟินแลนด์-เดนมาร์ก)
06.00น. พร้อมกัน ณ สู่สนามบินสุวรรณภูมิ ผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ประตู 8 แถว S สายการบินฟินน์แอร์ เจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับพร้อมบริการติดป้ายชื่อให้กับกระเป๋าทุกท่าน
08.55 น. ออกเดินทางฃสู่เมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ โดยเที่ยวบินที่ AY 142 สายการบินฟินน์แอร์ 

(บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
15.15 น. เดินทางถึงเมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ แวะเปลี่ยนเครื่อง 
17.45 น. ออกเดินทางสู่กรุงโคเปนเฮเก้น ประเทศเดนมาร์ก โดยเที่ยวบินที่ AY 959 สายการบินฟินน์แอร์ 
18.25 น. เดินเทางถึงกรุงโคเปนเฮเก้น ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร 
นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ AC HOTEL BELLA SKY หรือระดับเดียวกัน

วันที่สอง ลิตเติ้นเมอร์เมด-น้ำพุเกฟิออน-ถนนสตรอยก์-ล่องเรือสำราญ DFDS (เดนมาร์ก)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านถ่ายรูปคู่กับลิตเติ้ลเมอร์เมด เงือกน้อยสัญลักษณ์ของเมือง ซึ่งยังคงนั่งเศร้ารอเจ้าชายตามเนื้อเรื่องในเทพนิยายอันลือลั่นของนักเล่านิทานระดับโลก ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์สัน โดยได้รับการสนับสนุนจากบริเวอร์ จาคอบเซ่น เจ้าของมูลนิธิคาร์ลสเบิร์ก นำท่านถ่ายรูปบริเวณน้ำพุเกฟิออน เทพธิดาผู้เสียสละกับบุตรชายที่ร่วมสร้างเกาะซีแลนด์ขึ้นมา 
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งสินค้าย่านถนนสตรอยก์ ถนนช้อปปิ้งที่ยาวที่สุดในโลก ที่มีสินค้ายี่ห้อแบรนด์เนม อาทิ หลุยส์วิตตอง ชาแนล และอีกมากมาย  เดินทางสู่ท่าเรือเพื่อลงเรือสำราญ DFDS (Scandinevian Seaway) ที่พรั่งพร้อมไปด้วยร้านขายของ, ร้านค้าปลอดภาษี, ร้านอาหาร, ห้อง Sauna, Spa ฯลฯ กรุณาเตรียมกระเป๋าใบเล็กสำหรับค้างคืนบนเรือ 1 คืน เพื่อความสะดวกในการเดินทางของท่าน 

16.30 น. ออกเดินทางด้วยเรือสำราญ DFDS Seaways สู่เมืองออสโล พักค้างคืนบนเรือสำราญ   ภายในเรือสำราญท่านจะได้พบกับบรรยากาศสุดหรูหรา นอกจากนี้ท่านจะได้พบกับกิจกรรมต่างๆ ที่จะได้ทำให้ท่านได้รับความเพลิดเพลินตลอดเวลาที่อยู่บนเรือสำราญลำนี้ อาทิเช่น ดิสโก้เธค สำหรับผู้ที่มีใจรักการเต้นรำและแสงสี บาร์ สำหรับผู้ที่มีใจรักการดื่ม ร้านสินค้าปลอดภาษีซึ่งท่านจะสามารถเลือกซื้อสินค้าได้อย่างจุใจโดยไม่ต้องเร่งรีบใด ซึ่งสินค้าที่ท่านจะได้พบเป็น สินค้าที่ปลอดภาษีเรียบร้อยแล้ว เช่น น้ำหอมยี่ห้อดัง Chanel, Marc Jacob, Prada, Issey Miyake, Britney และอื่นๆอีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่นที่มีชื่อเสียงให้ท่านได้เลือกซื้ออย่างจุใจ สำหรับน้องๆ หนูๆ พลาดไม่ได้สำหรับช็อคโกแลตที่มีให้เลือกมากมายหลายชนิด
ค่ำ บริการอาหารค่ำแบบ “สแกนดิเนเวียนบุฟเฟ่ต์” ณ ภัตตาคารในเรือสำราญและพักค้างคืนบนเรือสำราญ

วันที่สาม ออสโล-พิพิธภัณฑ์เรือไวกิ้งโบราณ-อุทยานฟร็อกเนอร์-The Oslo Opera House-เกโล่ (นอร์เวย์)
เช้า บริการอาหารเช้าแบบสแกนดิเนเวียน ณ ภัตตาคารบนเรือสำราญ หลังอาหารเช้าเรือแล่นผ่านเขตออสโลฟยอร์ดที่สวยงามและมีชื่อเสียง ท่านไม่ควรพลาดกับการบันทึกภาพสวยบนดาดฟ้าเรือยามรับอรุณ 
09.45 น. เรือเข้าเทียบท่าที่กรุงออสโล เมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จประพาสยุโรปเป็นครั้งที่สอง เพื่อทรงรับการรักษาทางการแพทย์ และเพื่อการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการทูตกับกลุ่มประเทศในยุโรปรวมทั้งประเทศนอร์เวย์ ได้ทรงเสด็จเยี่ยมพระมหากษัตริย์โฮคูน ที่กรุงคริสต์ตีอาเนีย หรือกรุงออสโลในปัจจุบัน นำมาด้วยความปลื้มปีติแก่พสกนิกรเป็นล้นพ้น นำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์เรือไวกิ้งโบราณ จัดแสดงเกี่ยวกับเรือไวกิ้งที่สร้างจากไม้ ในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 9 โดยขุดได้จากรอบ ๆ ออสโลฟยอร์ด นอกจากนี้ยังจัดแสดงเกี่ยวกับเครื่องมือในชีวิต ประจำวันที่มีอายุเก่าแก่กว่า 1,000 ปี  นำท่านสู่อุทยานฟร็อกเนอร์ ที่มีประติมากรรมแสดงถึงความเป็นอยู่สภาพชีวิตและการดิ้นรนต่อสู้ของมนุษย์ชาติ ซึ่งเป็นผลงานประติมากรชื่อดังกุสตาฟ-วิเกอแลนด์

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร นำท่านถ่ายรูป The Oslo Opera House หนึ่งในโครงการปรับปรุงบริเวณชายฝั่งของออสโลให้เกิดเป็นพื้นที่ที่มีประโยชน์ ด้วยเงินทุนมหาศาล และการปรับผังการจราจรของชายฝั่งด้านตัวเมือง
ออสโล ใกล้กับสถานีรถไฟใหญ่ของเมืองถนนคาร์ลโจฮันส์เกท เริ่มต้นจากสถานีรถไฟสู่พระบรมมหาราชวัง ที่ประทับของพระมหากษัตริย์แห่งนอร์เวย์ เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่สำคัญที่สุดของเมือง เดินเล่นถ่ายรูปย่านท่าเรือที่ Anker Brygge ที่กลายเป็นย่านช้อปปิ้งและแหล่งรวมของภัตตาคารและบาร์ชั้นดี นำท่านเดินทางสู่เมืองเกโล่ (Geilo) ตลอดเส้นทางท่านจะได้เห็นวิวทิวทัศน์ของลำธารที่กัดเซาะหุบเขาจนเป็นเหวขนาดใหญ่ ผ่านหมู่บ้านชนบทสู่เมืองที่มีประชากรอาศัยอยู่เพียง 2,000 คน แต่มีทรัพยากรทางธรรมชาติ อาทิ เหล็ก, โลหะ อยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีความสำคัญในด้านศูนย์กีฬาฤดูหนาวของยุโรปเหนืออีกด้วย 

ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ GEILO HOTEL หรือระดับเดียวกัน 

วันที่สี่ กู๊ดวาเก้น-ซองน์ฟยอร์ด-ฟลอม-รถไฟสายโรแมนติก-มีร์ดาล-เบอร์เก้น (นอร์เวย์)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านเดินทางสู่เมือง เมืองกู๊ดวาเก้น และ ล่องเรือชมซองน์ฟยอร์ด ที่สวยงาม มีความยาวและลึกเข้ามาในแผ่นดินที่สุดในนอร์เวย์ มีความยาวถึง 204 กม. โดยเป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะแผ่นดินของธารน้ำแข็งเมื่อหลายล้านปีก่อน ให้ทุกท่านได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพชวนฝันของสายน้ำผ่านภูผาหินสูงตระหง่าน และยังได้เห็นสีสันของกลุ่มหมู่บ้าน ชุมชนเล็กๆที่สร้างบ้านเรือนด้วยไม้สนและทาสีแนวพาสเทล ของทั้งสองฝั่งของซองน์ฟยอร์ดจนถึง เมืองฟลอม

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร หลังจากนั้นนำท่าน ขึ้นรถไฟขบวนพิเศษเส้นทางสายโรแมนติก (FLAMSBANA) ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งของสถานีรถไฟสายโรแมนติกที่มีภูมิทัศน์งดงามสุดสายตา เส้นทางรถไฟจะผ่านอุโมงค์, ลอดภูเขา, สะพานข้ามหุบเขา น้ำตกคียอสฟอสเซ่น ซึ่งเป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงขนาดใหญ่และงดงามแห่งหนึ่งของนอร์เวย์ ทางคณะจะได้ชื่นชมเส้นทางที่เป็นธรรมชาติและทัศนียภาพที่โรแมนติกตลอดจนถึงเมืองมีร์ดาล จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองเบอร์เก้น โดยรถโค้ช เมืองใหญ่อันดับสองได้รับยกย่องว่าเป็นเมืองวัฒนธรรม และเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงด้านตะวันตกสุดของแผ่นดินนอร์เวย์ นำท่านชมเขตเมืองเก่าของเบอร์เก้น Fish Market มีอายุกว่า 1,000 ปี
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ SCANDIC BERGEN HOTEL หรือระดับเดียวกัน 

วันที่ห้า เบอร์เก้น-ย่านบริ๊กเก้น-สต็อกโฮล์ม-พิพิธภัณฑ์เรือวาซา (นอร์เวย์-สวีเดน)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านชมเมืองเบอร์เก้น ตัวเมืองเรียงรายไปด้วยบ้านเรือนเก่าแก่อายุกว่า 1,000 ปี ปัจจุบันมีประชากรอาศัยอยู่ 225,000 คน ชมเมืองในฝันที่แสนน่ารัก สถานที่สวยงามที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอาทิ ย่านบริ๊กเก้นในเมืองเบอร์เก้น เป็นท่าเรืออันเก่าแก่ที่มีความสำคัญต่ออาณาจักรการค้าขายในยุคสันนิบาตฮันเซียติก อาคารอายุกว่า 900 ปี และเขตวอเตอร์ฟร้อนท์ ซึ่งเป็นตัวอย่างการก่อสร้างที่โดดเด่น และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม จนได้รับการบันทึกภาพมากที่สุด และได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก้ (Unesco) สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่สนามบินเบอร์เก้น เพื่อเดินทางสู่กรุงสต็อกโฮลม์ ประเทศสวีเดน 

11.20 น. ออกเดินทางสู่สนามบินอาร์ลันด้า สต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน โดยเที่ยวบิน AY 804 
12.35 น. ถึงสนามบินอาร์ลันด้า กรุงสต็อกโฮล์ม บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร  จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ตัวเมืองสต็อคโฮล์ม นำท่านเที่ยวชมเมืองหลวงของประเทศสวีเดน ที่มีความสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จนได้รับการขนานนามว่า “ความงามบนผิวน้ำ” (Beauty on Water) หรือราชินีแห่งทะเลบอลติค กรุงสต็อกโฮล์ม เมืองแห่งประวัติศาสตร์มาตั้งแต่ครั้งศตวรรษที่ 13 ศิลปะและสถาปัตยกรรมผสมผสานความทันสมัยของบ้านเมือง ตึกรามบ้านช่อง รวมทั้งปราสาทราชวัง ตั้งอยู่ริมน้ำและตามเนินสูงต่ำ ทำให้สต็อกโฮล์มเป็นเมืองที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก นำท่านชมพิพิธภัณฑ์เรือวาซา ซึ่งตั้งโชว์เรือรบโบราณที่กู้ขึ้นมาได้จากที่จมอยู่ใต้ทะเลถึง 333 ปี และยังคงสภาพที่สมบูรณ์ เรือวาซานั้น สร้างขึ้นเมืองปี ค.ศ. 1628 หวังจะให้เป็นเรือรบที่ใหญ่ที่สุดบรรทุกปืนใหญ่ถึง 64 กระบอก วันแรกที่ออกเดินทางได้ 500 เมตร ก็จมลงใต้ทะเลลึก 35 เมตร เป็นเวลานานถึง 333 ปี
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ COURTYARD by MARRIOTT STOCKHOLM KUNGSHOLMEN HOTEL หรือระดับเดียวกัน 

วันที่หก ซิตี้ฮอลล์-ห้องโถงทองคำ-SERGELS TORG-ล่องเรือสำราญ Silja Line (สวีเดน)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านเข้าชมซิตี้ฮอลล์ หรือศาลาว่าการเมืองซึ่งใช้เวลาสร้างถึง 12 ปี ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังของสวีเดน คือ Ragnar Ostberg สร้างด้วยอิฐแดงกว่า 8 ล้านก้อน และมุงหลังคาด้วยหินโมเสค สร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี 1911 ในเดือนธันวาคมชมห้องโถงทองคำ  (Golden Hall) ที่ประดับด้วยโมเสคทองคำนับล้านชิ้นชมห้องจัดเลี้ยง(Blue Hall) ในที่วันที่ 10 ธันวาคม ของทุกปี จะมีพิธีมอบรางวัลโนเบล ณ ที่แห่งนี้ จากนั้นอิสระให้ทุกท่านได้ช้อปปิ้งย่าน SERGELS TORG ซึ่งจะมีห้างสรรพสินค้าชั้นนำตั้งเรียงรายใกล้ๆกัน รวมทั้งร้านสินค้าแบรนด์เนมดังๆทั้งหลาย ก็ตั้งอยู่โซนเดียวกันทั้งหมด

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นรถโค้ชรอรับคณะแล้วเดินทางสู่ท่าเรือสำราญซิลเลียไลน์ นำคณะสู่ท่าเรือสำราญสุดหรู Silja Line เรือสำราญแห่งทะเลบอลติคอันหรูหราและสง่างามพรั่งพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ ภัตตาคาร, ร้านอาหาร, บาร์, ไนต์คลับ, ดิสโก้เธค, ศูนย์สันทนาการสำหรับครอบครัว, ร้านค้าปลอดภาษี และเสี่ยงโชคในคาสิโนมีระดับ กรุณาเตรียมกระเป๋าใบเล็กสำหรับค้างคืนบนเรือ 1 คืน เพื่อความสะดวกในการเดินทางของท่าน 
ค่ำ
 บริการอาหารค่ำแบบ “สแกนดิเนเวียบุฟเฟ่ต์” ณ ภัตตาคาร เรือสำราญนำท่านล่องทะเลบอลติก   ชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามของหมู่เกาะ แก่งหิน ท่าเรือ และบ้านไม้สมัยศตวรรษที่ 19 ระหว่างสองเมืองหลวงมหาเสน่ห์แห่งสแกนดิเนเวีย กรุงสต็อกโฮล์ม-กรุงเฮลซิงกิ พักค้างคืนบนเรือสำราญ
 

วันที่เจ็ด เฮลซิงกิ-มหาวิหาร Uspensy-จัตุรัสรัฐสภา-โรวาเนียมิ (ฟินแลนด์)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ 
09.45 น. เรือสำราญเทียบท่าที่กรุงเฮลซิงกิ นครหลวงของประเทศฟินแลนด์ รถโค้ชปรับอากาศรอรับคณะแล้วเดินทางสู่ตัวเมืองชมตลาดนัดริมทะเล ที่มีชื่อเสียงนอกจากจะเป็นตลาดย่านใจกลางเมืองที่ขายของที่ระลึกแก่นักท่องเที่ยว แหล่งขายปลานานาชนิด อาหาร ผลไม้และดอกไม้แล้ว ยังเป็นที่ตั้งสถานที่สำคัญ อาทิ ทำเนียบประธานาธิบดี ศาลากลางและโบสถ์ อิสระให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าที่ระลึกตามอัธยาศัย นำคณะถ่ายรูป มหาวิหาร Uspensy ของศาสนาคริสต์นิกายออร์ธอดอกซ์ที่งดงามด้วยลักษณะสถาปัตยกรรมแบบรัสเซีย

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร นำท่านชมจัตุรัสรัฐสภา ซึ่งเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์พระเจ้าอเล็กซานเดอร์และมหาวิหารใหญ่นิกายรูเธอรัน ได้เวลาอันสมควรนำคณะสู่สนามบินมืองเฮลซิงกิ
16.20 น. ออกเดินทางสู่เมืองโรวาเนียมิ โดยสายการบินฟินน์แอร์ 
เที่ยวบิน AY 535
17.35 น. ถึงสนามบินเมืองโรวาเนียมิ ซึ่งตั้งอยู่เหนือเส้นอาร์กติกเซอร์เคิล
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ SCANDIC ROVANIEMI HOTEL หรือระดับเดียวกัน

วันที่แปด โรวาเนียมิ-หมู่บ้านซานตาคลอส-อิวาโร่ (ฟินแลนด์)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำคณะเข้าสู่
หมู่บ้านซานตาครอส ที่มีประวัติความเป็นมายาวมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1925 ตั้งอยู่บนเส้นอาร์คติกเซอร์เคิล จากความเชื่อที่ว่าลุงซานต้า หนวดขาวผู้เป็นอมตะ และมีเอลฟ์ซึ่งมีตำนานในแถบสแกนดิเนเวียเป็นผู้ช่วย จะทำหน้าที่ส่งของขวัญในวันคริสต์มาสให้กับเด็กและพูดคุยกับเด็กๆ, รับจดหมายของเด็กๆจากทั่วโลก ภายในหมู่บ้านมีที่ทำการไปรษณีย์ สำหรับท่านที่ต้องการส่งของขวัญไปยังคนที่ท่านรัก , ร้านขายของที่ระลึก, ถ่ายรูปกับคุณลุงซานต้าไว้เป็นที่ระลึก

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร นำท่านเดินทางสู่เมืองอิวาโล (IVALO) เป็นที่รู้จักกันในหมู่ชาวประมงว่ามีแหล่งแม่น้ำที่มีปลาแซลมอนดีที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง ชมความงามของทะเลสาบอินารี แหล่งน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของชาวแลปป์ แวะซื้อของที่ระลึกงานฝีมือของชาวแลปป์ 
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ HOLIDAY CLUB SAARISELKA HOTEL หรือระดับเดียวกัน

วันที่เก้า ทะลเสาบอินารี-คาราสจอด-ฮอนนิ่งสว็อก-ศุนย์นิทรรศการนอร์ธเคป (ฟินแลนด์-นอร์เวย์)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านขึ้นสู่ดินแดนตอนเหนือของประเทศฟินแลนด์ ผ่านทะเลสาบอินารี แหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่กับเกาะแก่งมากมาย บริเวณแถบนี้เป็นที่อยู่อาศัยของชาวแลปป์ (Sami) นำคณะข้ามพรมแดนสู่ประเทศนอร์เวย์ที่ เมืองคาราสจอด

กลางวัน บริการอาหารกลางวันณ ภัตตาคารลอดอุโมงค์ใต้ทะเลสู่นอร์ธเคปที่เมืองฮอนนิ่งสว็อก ที่ตั้งอยู่บนดินแดนเหนือสุดที่มีประชากรอาศัยอยู่บนเขตยุโรปเหนือนำท่านสัมผัสกับบรรยากาศแห่งขั้วโลกเหนือใน
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร เดินทางสู่ที่ตั้งของศูนย์นิทรรศการนอร์ธเคป ซึ่งตั้งอยู่บนปลายแหลมนอร์ธเคป เรือพระที่นั่งทอดสมอเมื่อ 100 ปีก่อนที่จะเสด็จพระราชดำเนินสู่แหลมเหนือ เป็นจุดที่ชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เข้าสู่อาคารชมภาพถ่ายเกี่ยวกับการประพาสของรัชกาลที่ 5 เมื่อปี พ.ศ. 2450 ซึ่งพระองค์ได้จารึกพระปรมาภิไธยบนก้อนหินขนาดใหญ่ ที่ปัจจุบันได้จัดแสดงไว้ให้ชาวไทยได้มีความภาคภูมิใจในพระปรีชาสามารถภายในพิพิธภัณฑ์สยาม ที่จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ประเทศไทย รับฟังและชมเรื่องราวของปรากฏการณ์พระอาทิตย์เที่ยงคืนในห้อง Auditorium ก่อนที่จะไปชมปรากฏการณ์จริงด้านนอก แล้วรับมอบประกาศนียบัตรสำหรับผู้มาเยือน สมควรแก่เวลา นำท่านเดินทางกลับสู่ที่พัก ณ  SCANDIC HONNINGSVAG HOTEL หรือระดับเดียวกัน

วันที่สิบ    อาร์ติโก้บาร์-อิวาโล (ฟินแลนด์)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านชมอาร์ติโก้บาร์น้ำแข็ง ที่แกะสลักจากน้ำแข็งขั้วโลกทั้งโต๊ะ, เก้าอี้ หรือแม้แต่แก้วเครื่องดื่มเอง สำหรับประสบการณ์ดีๆในการเยือนขั้วโลก โดยจะมีให้ชมวิดีโอขั้นตอนการสร้างบาร์น้ำแข็งแห่งนี้ จากนั้นทางคณะจะได้ใส่เสื้อกันหนาวแบบพิเศษของทางบาร์ เพื่อเข้าไปสัมผัสบรรยากาศด้านในของบาร์น้ำแข็ง พร้อมชิมเครื่องดื่มที่เสริฟ์มาในแก้วที่ทำจากน้ำแข็ง 2 ดริ้งค์/ท่าน หรือถ่ายรูปตามมุมต่างๆตามอัธยาศัย

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองอิวาโล ผ่านชมวิวทิวทัศน์สองข้างทางที่สวยงาม เต็มไปด้วยฟยอร์ดกระจายตัวอยู่โดยทั่วไป สามารถพบเห็นกวางเรนเดียร์ตลอดสองข้างทาง ชมความงามของทะเลสาบอินารี แหล่งน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของชาวแลปป์ แวะซื้อของที่ระลึกงานฝีมือของชาวแลปป์ นำท่านข้ามผ่านสู่เขตแดนของประเทศฟินแลนด์
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร เข้าสู่ที่พัก ณ HOLIDAY CLUB SAARISELKA HOTEL หรือระดับเดียวกัน 

วันที่สิบเอ็ด อิวาโร่-เฮลซิงกิ (ฟินแลนด์)
เช้า บริการอาหารเช้า ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่สนามบิน
08.50 น. บินลัดฟ้า สู่เมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์  โดยเที่ยวบินที่ AY637 สายการบินฟินน์แอร์ 
11.15 น. เดินทางถึงเมืองเฮลซิงกิ (รับคูปองเงินสด 20 ยูโร/ท่าน เลือกรับประทานอาหารระหว่างแวะเปลี่ยนเครื่อง) 
17.30 น. ออกเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยเที่ยวบินที่ AY 141 สายการบินฟินน์แอร์
(รับประทานอาหารบนเครื่องพร้อมเครื่องดื่ม)


วันที่สิบสอง  กรุงเทพฯ (ไทย)    
07.15 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ  โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ 

วันแรก สนามบินสุวรรณภูมิ (ไทย-ฟินแลนด์)
20.00 น. พร้อมกัน ณ สู่สนามบินสุวรรณภูมิ ผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ประตู 8 แถว S สายการบินฟินน์แอร์ เจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับพร้อมบริการติดป้ายชื่อพร้อมริบบิ้นให้กับกระเป๋าทุกท่าน
23.05 น. ออกเดินทางสู่เมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์  โดยเที่ยวบินที่  AY 144 สายการบินฟินน์แอร์ (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

วันที่สอง เมืองเฮลซิงกิ - เมืองเคฟลาวิค – น้ำตกครีก์จูเฟลฟอสส์ – ภูเขาครีก์จูเฟลฟอสส์  (ฟินแลนด์-ไอซ์แลนด์)
05.20 น. เดินทางถึงเมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ แวะเปลี่ยนเครื่อง
07.40 น. ออกเดินทางสู่ เมืองเรคยาวิค ประเทศไอซ์แลนด์ โดยเที่ยวบินที่ AY 991 สายการบินฟินน์แอร์ 
09.30 น. ถึงสนามบิน สนามบินนานาชาติเคฟลาวิค ประเทศไอซ์แลนด์ ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว นำท่านเดินทางสู่ ครีก์จูเฟล เป็นภูเขาที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของไอซ์แลนด์ เรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์อีกหนึ่งสิ่งของประเทศไอซ์แลนด์เลยก็ว่าได้ 
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางไปยัง น้ำตกครีก์จูเฟลฟอสส์ ให้ทุกท่านได้ถ่ายภาพเก็บ
เป็นที่ระลึก บริเวณด้านหลังของน้ำตกมี ภูเขาคีร์กจูเฟล หรือ “ภูเขาหมวกแม่มด” ตั้งอยู่เพียงหนึ่งเดียว เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของไอซ์แลนด์ นอกจากนี้นักปีนเขาที่มีประสบการณ์นิยมมาปืนขึ้นไปชมความงามบนยอดเขา คีร์กจูเฟล เป็นสถานที่ที่มีความงดงามตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเดินทางมาเที่ยวในช่วงไหน ด้วยหิมะเป็นสีขาวโพลน
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก ณ Selfoss Hotel หรือระดับเดียวกัน

วันที่สาม น้ำตกเซลจาลันต์ฟอสส์ - น้ำตกสโกการ์ - หมู่บ้านวิก (ไอซ์แลนด์)
 เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ น้ำตกเซลจาลันต์ฟอสส์ เป็นหนึ่งในน้ำตกที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศไอซ์แลนด์ โดยน้ำตกมีความสูงประมาณ 60 เมตร (200 ฟุต) แวะถ่ายภาพกับน้ำตกชื่อดังเสร็จแล้ว จากนั้นนำท่านเดินทางต่อไปยัง น้ำตกสโกการ์ เพื่อเที่ยวชมและแวะถ่ายภาพน้ำตกที่มีความสูงถึง 62 เมตร สโคการ์ฟอสส์ได้ชื่อว่าเป็นน้ำตกที่สูงที่สุดทางภาคใต้ของไอซ์แลนด์ ด้วยภาพของม่านน้ำสีขาวขนาดใหญ่ที่ทรงพลัง ไหลเทลงมาสู่พื้นเบื้องล่างตัดกับลานกว้างและโขดหินด้วยมอสสีเขียวบนกรวดดินสีดําที่เกิดจากเถ้าถ่านลาวา
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านวิก หมู่บ้านเล็กๆ ทางใต้ของไอซ์แลนด์ที่มีรายชื่อในการจัดอันดับชายหาดที่สวยที่สุดในโลกเมื่อปี 1991 เป็นหมู่บ้านที่มีฝนตกมากที่สุดในไอซ์แลนด์ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ชายหาดที่ดีที่สุดแต่ก็เป็นสถานที่น่ามหัศจรรย์ที่น่าไปชมเป็นอย่างยิ่ง 
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก  ณ Laki Hotel Kirkjubaejarklauster หรือระดับเดียวกัน หลังจากเข้าสู่ที่พักท่านสามารถพักผ่อนตามอัธยาศัย บริเวณรอบๆโรงแรมท่านสามารถพบกับปรากฏการณ์“แสงออโรร่า” (AURORA LIGHT) หรือแสงเหนือ ซึ่งเป็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ ท่ามกลางทุ่งหิมะในคืนที่มืดสนิท มักพบได้ในช่วงฤดูหนาวเดือนธันวาคม – มีนาคม ของทุกปี  (ปรากฏการณ์แสงออโรร่าขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและค่า KP ในขณะนั้นด้วย)

วันที่สี่ อุทยานแห่งชาติสเกฟตาลเฟลส์ – โจกุลซาลอน – ธารน้ำแข็งพันปี (ไอซ์แลนด์)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านสู่ อุทยานแห่งชาติสเกฟตาลเฟลล์ จนเข้าสู่เขตอุทยานฯที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ตั้งอยู่ใต้ธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดเรียกว่าวาตนาเยอคูตล์ (Vatnajökull) มีขนาด 8,300 ตารางกิโลเมตร เท่ากับธารน้ำแข็งในทวีปยุโรปรวมกันและขนาดความหนามากที่สุดประมาณ 1,000 เมตร 
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ โจกุลซาลอน ธารน้ำแข็งพันปี อันเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีว่าเป็นทะเลสาบธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ ปรากฏขึ้นครั้งแรกในช่วงปีค.ศ.1934 -1935 และค่อยๆ ขยายตัวเพิ่มพื้นที่ขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันกินพื้นที่กว้างถึง 18 ตารางกิโลเมตร โดยมีความลึกของน้ำถึง 200 เมตร ได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่ลึกเป็นอันดับสองของไอซ์แลนด์ นักท่องเที่ยวไปเที่ยวที่นี่จะเห็นน้ำแข็งก้อนใหญ่ ๆ ที่ละลายลงมาจากภูเขาน้ำแข็งด้านบน และไหลลงสู่ทะเล บางครั้งอาจเห็นนกทะเลสีดำที่ริมฝั่งทะเลตรงปลายเชื่อมระหว่างทะเลกับโจกุลซาลอน ที่มีชื่อเรียกว่า Skúas และสีขาวตระกูลนกนางนวล ที่เรียกว่า big  seagulls  บางครั้งอาจจะได้เห็นสิงห์โตทะเลที่ดำผุดดำว่ายบริเวณนั้น ได้เวลาอันสมควรนำทุกท่านเดินทางกลับสู่เมืองวิก 
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก  ณ Laki Hotel Kirkjubaejarklauster หรือระดับเดียวกัน หลังจากเข้าสู่ที่พักท่านสามารถพักผ่อนตามอัธยาศัย บริเวณรอบๆโรงแรมท่านสามารถพบกับปรากฏการณ์“แสงออโรร่า” (AURORA LIGHT) หรือแสงเหนือ ซึ่งเป็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ ท่ามกลางทุ่งหิมะในคืนที่มืดสนิท มักพบได้ในช่วงฤดูหนาวเดือนธันวาคม – มีนาคม ของทุกปี  (ปรากฏการณ์แสงออโรร่าขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและค่า KP ในขณะนั้นด้วย)

วันที่ห้า ไมดาลโจกุล - ขับขี่สโนว์โมบิล - หาดทรายดำ REYNISFJARA BLACK SAND BEACH – Dyrhólaey จุดชมวิวริมชายฝั่ง - เมืองเรคยาวิก (ไอซ์แลนด์)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ไมดาลโจกุล Myrdaljokull ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ ที่ถูกเปลี่ยนเป็นลานกว้างเพื่อกิจกรรมผจญภัยในช่วงฤดูหนาว นำท่านสนุกสนานกับกิจกรรม สโนว์โมบิล ขับขี่ตะลุยหิมะไปตามเส้นทางธรรมชาติที่สวยงามบนทุ่งน้ำแข็ง ซึ่งจะทำให้ทุกท่านสนุกสนานและตื่นเต้นตลอดการเดินทาง (กิจกรรมนี้ผู้ขับขี่ 2 คน/คัน สามารถสลับผู้ขับขี่ได้ระหว่างการเดินทาง) 
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร หลังอาหารนำท่านออกเดินทางสู่ หาดทรายดำ REYNISFJARA BLACK SAND BEACH แห่งไอซ์แลนด์ เป็นหาดทรายดำที่สวยที่สุดของประเทศไอซ์แลนด์ ตั้งอยู่ห่างจากหมู่บ้านเล็กๆทางตอนใต้ของประเทศ บนชายหาดเต็มไปด้วยกรวดสีดำสนิทเป็นตะกอนเม็ดทรายสีดำที่สะสมตัวกันบริเวณชายหาด เมื่อมองดูระยะไกลเหมือนดินสีดำ นับเป็นชายหาดที่แปลกตามาก หาดทรายนี้เกิดขึ้นจากการสึกกร่อนของหินลาวาและแนวหินบะซอลต์ ที่ถูกพัดพาไปสะสมตัวบริเวณชายหาด โดยเม็ดทรายนี้มีความหนาแน่นและทนทานต่อการแตกสลายผุพัง ติดกับหาดทรายดำนี้มีแท่งหินบะซอลต์ทรงกระบอกหกเลี่ยมเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ อยู่เป็นจำนวนมาก ราวกับเป็นปฏิมากรรมที่ตั้งใจสร้างขึ้นมาจากนั้นนำท่าเที่ยวชม Dyrhólaey จุดชมวิวริมชายฝั่งทะเล  จุดเด่นของที่นี่คือตรงปลายสุดของแหลม เป็นจุดที่หน้าผาถูกน้ำทะเลกัดเซาะจนเกิดเป็นโพรงใหญ่ ขนาดที่เรือสามารถแล่นผ่านได้เลย ชื่อ Dyrhólaey มีที่มาจากเจ้าก้อนหินเป็นโพรง (Dyrhólaey แปลว่า door-hole) จากจุดนี้หากเรามองไปทางทิศเหนือเราจะเห็นธารน้ำแข็ง Myrdalsjokull หากมองไปทางฝั่งตะวันออกคือกลุ่มหินลาวา Reynisdrangar และหากมองไปฝั่งตะวันตก จะเห็นชายหาดที่ทอดตัวยาวไกล จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเรคยาวิก เป็นเมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์ และเป็นเมืองหลวงที่ตั้งอยู่ใกล้กับขั้วโลกเหนือมากที่สุด โดยตั้งอยู่ไม่ไกลจากเส้นอาร์กติกเซอร์เคิลมากนัก ทำเลที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ 
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ Foss Hotel Reykjavik  หรือระดับเดียวกัน สำหรับท่านที่สนใจทัวร์เสริม เพื่อตามล่าแสงเหนือในช่วงกลางคืนสามารถติดต่อได้ที่เคาน์เตอร์ของโรงแรม ทัวร์เสริมจะมีจัดให้บริการในวันที่มีการพยากรร์ว่ามีโอกาสพบแสงเหนือหรือแสงออโรร่า (ปรากฏการณ์แสงออโรร่าขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและค่า KP ในขณะนั้นด้วย) 

วันที่หก น้ำตกกุลล์ฟอสส์ – น้ำพุร้อนกีย์เซอร์ – อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ - บลูลากูน – อาบน้ำแร่ (ไอซ์แลนด์)     
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ น้ำตกกุลล์ฟอสส์ น้ำตกที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นน้ำตกที่สวยงามที่สุดในไอซ์แลนด์ และอาจจะกล่าวได้ว่าสวยงามกว่าน้ำตกไนแองการ่าอีกด้วย ถือว่าเป็นน้ำตกมีชื่อแห่งหนึ่งในจำนวนสถานที่  ท่องเที่ยวๆ หลายแห่งของประเทศนี้ และยังจัดว่าเป็นหนึ่งใน 3 สถานที่ที่ประเทศไอซ์แลนด์จัดให้อยู่ใน “วงกลมทองคำ” (Golden Circle) ที่เมื่อผู้มาเยือนไอซ์แลนด์ต้องไม่พลาดที่จะมาท่องเที่ยว น้ำตกแห่ง Gullfoss มีความหมายว่า น้ำตกทองคำ เนื่องจากเมื่อละอองน้ำปะทะกับแสงแดดแล้วจะสะท้อนแวววาวออกมาเป็นสีทองอร่าม และปรากฏเป็นรุ้งกินน้ำให้พบเห็นแก่ผู้มาท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นภาพที่อลังการสวยงามสมคำเล่าลือ จากนั้นนำท่านชม น้ำพุร้อนกีย์เซอร์ มีความร้อนประมาณ 400 องศาเซลเซียส พุ่งขึ้นมาจากใต้ดิน ในอดีตน้ำพุร้อนสามารถพุ่งได้สูงถึง200 ฟุต แต่น่าเสียดายที่ในปัจจุบันไม่เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว แต่ก็ยังสามารถพุ่งได้มากสุดที่ประมาณ 60 – 100 ฟุต ทุกๆ 5 นาที นับเป็นหนึ่งในความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติอีกแห่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดชม 
 กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร นำท่านเดินทางสู่ อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ อยู่ทางด้านตะวันออกของเรคยาวิค เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของไอซ์แลนด์ ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1928 ถูกขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ว่าให้เป็นสถานที่อันเป็นมรดกของชาวโลกในปี ค.ศ. 2004 นอกจาก Thingvellir จะมีรอยแตกแยกของแผ่นดินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก แล้วยังมีภูเขา ทุ่งลาวา หุบผา ถ้ำ ลำธาร น้ำตกและทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ชมรอยแตกของเปลือกโลกที่กว้างขึ้นในแต่ละปีเนื่องจากมีการเคลื่อนตัวแยกออกจากกันอยู่ตลอดเวลา พร้อมชมร่องรอยอาคารรัฐสภาอันเก่าแก่ตั้งแต่ปี 930 อิสระให้ท่านถ่ายภาพและเที่ยวชมความงดงามตามอัธยาศัย
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ FossHotel Reykjavik  หรือระดับเดียวกัน สำหรับท่านที่สนใจทัวร์เสริม เพื่อตามล่าแสงเหนือในช่วงกลางคืนสามารถติดต่อได้ที่เคาน์เตอร์ของโรงแรม ทัวร์เสริมจะมีจัดให้บริการในวันที่มีการพยากรร์ว่ามีโอกาสพบแสงเหนือหรือแสงออโรร่า (ปรากฏการณ์แสงออโรร่าขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและค่า KP ในขณะนั้นด้วย)

วันที่เจ็ด โบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์คยา - อนุสาวรีย์ของเลฟร์ อีริกสัน - บลูลากูน – อาบน้ำแร่ (ไอซ์แลนด์)                     
 เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านถ่ายรูปด้านหน้า โบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์คยา เป็นโบสถ์ทางศาสนาคริสต์ที่สูงที่สุดในไอซ์แลนด์ เป็นจุดที่สูงอีกจุดหนึ่งของเมืองที่เมื่อขึ้นไปด้านบนจะมองเห็นทัศนียภาพของกรุงเรคยาวิกได้โดยรอบ โบสถ์นี้มีความสำคัญในฐานะที่เป็นศาสนสถาน เป็นสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์สถาปนิกกุดโยน (Guðjón Samúelsson) เป็นผู้ออกแบบสถาปัตยกรรมแนวอิมเพรสชั่นนิสท์ ซึ่งใช้เวลาการก่อสร้างถึง 38 ปี บริเวณด้านหน้าของโบสถ์ยังมี อนุสาวรีย์ของเลฟร์ อีริกสัน ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้า โดยอนุสาวรีย์นี้สหรัฐอเมริกามอบให้แก่ไอซ์แลนด์เนื่องในโอกาส เฉลิมฉลองครบรอบ 1,000 ปี จากนั้นนําท่านไปชมสถานที่สําคัญอีกแห่งหนึ่งคือ Hofdi House บ้านที่มีเรื่องราวในประวัติศาสตร์ของชาติอันน่าสนใจ เคยใช้เป็นที่รับรองและจัดเลี้ยง ผู้นํา 2 ประเทศมหาอํานาจผู้ยิ่งใหญ่ในการยุติสงครามเย็น นําท่านผ่านชม รัฐสภาของชาวไอซ์แลนด์ และ ศาลาเทศบาลเมือง 
 กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองกรินก์วิก เพื่อนำท่านสู่ บลูลากูน แหล่งน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงโด่งดังของไอซ์แลนด์ เป็นเขตที่มีการเคลื่อนตัวของหินหลอมละลายใต้ดิน มากที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง การเคลื่อนตัวนี้ทำให้น้ำในบ่อร้อนขึ้นและมีไอน้ำระเหยขึ้นมา เป็นสถานที่อาบน้ำแร่ขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในโลก เป็นบ่อน้ำร้อนที่มีแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์หลายชนิด ซึ่งช่วยรักษาผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง เชิญอิสระตามอัธยาศัยให้ท่านแช่ตัวในสระธรรมชาติ ผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทาง ทดสอบพอกหน้าด้วยโคลนสีขาวของบลูลากูนที่ทำให้ผิวพรรณผ่องใสเรียบลื่นขึ้นตั้งแต่ครั้งแรก ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหลากชนิดของบลูลากูนเป็นสินค้ายอดนิยมของผู้ไปเยือน (มีบริการผ้าเช็ดตัว โคลนสีขาวสำหรับพอกหน้า) เพื่อความสะดวกกรุณาเตรียมชุดว่ายน้ำ หมวกคลุมผมไปด้วย ทางบลูลากูนอนุญาตให้ลงได้เฉพาะผู้สวมใส่ชุดว่ายน้ำเท่านั้น หากไม่ได้นำไปสามารถใช้บริการเช่าชุดว่ายน้ำได้ที่บลูลากูน
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านสู่ที่พัก ณ Park Inn By Radisson Airport หรือระดับเดียวกัน

วันที่แปด สนามบินนานาชาติเคฟลาวิค – เมืองเฮลซิงกิ (ไอซ์แลนด์-ฟินแลนด์)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่ สนามบินนานาชาติเคฟลาวิค
10.25 น. ออกเดินทางสู่ เมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ โดยเที่ยวบินที่ AY992 สายการบินฟินน์แอร์ 
15.55 น. เดินทางถึง เมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ แวะเปลี่ยนเครื่อง
16.50 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ โดยเที่ยวบินที่ AY141 สายการบินฟินน์แอร์

(บริการอาหารและ เครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

วันที่เก้า    สนามบินสุวรรณภูมิ – กรุงเทพฯ (ไทย)
 07.25 น.    เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ

3 ธันวาคม 2562 - 19 กุมภาพันธ์ 2563

วันเดินทาง

สายการบินฟินแอร์ (Finnair)

สายการบิน

รหัส : AK002

โปรแกรมทัวร์ : ไอซ์แลนด์ 9 วัน

รายละเอียดโปรแกรม :  เมืองเรคยาวิก น้ำตกครีก์จูเฟลฟอสส์ หมู่บ้านวิกโจกุลชาลอน หาดทรายสีดำ อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ 

น้ำพุร้อนกีย์เชอร์ แช่บูลลากูน

ราคาเริ่มต้น : 105,000 TH

line-logo.png

ดาวน์โหลดใบสั่งจองโปรแกรมทัวร์

** รายการทัวร์ทางหน้าเว็บไซต์ เป็นการนำเสนอรายการเบื้องต้นเท่านั้น กรุณาติดต่อแผนกเซลล์ เพื่อขอรายการทัวร์ทุกครั้ง

2

1

3

4

5

6

9

8

7

วันแรก สนามบินสุวรรณภูมิ (ไทย-ฟินแลนด์)
20.00 น. พร้อมกัน ณ สู่สนามบินสุวรรณภูมิ ผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ประตู 8 แถว S สายการบินฟินน์แอร์ เจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับพร้อมบริการติดป้ายชื่อพร้อมริบบิ้นให้กับกระเป๋าทุกท่าน
23.05 น. ออกเดินทางสู่เมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์  โดยเที่ยวบินที่  AY 144 สายการบินฟินน์แอร์ (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

วันที่สอง เมืองเฮลซิงกิ - เมืองเคฟลาวิค – น้ำตกครีก์จูเฟลฟอสส์ – ภูเขาครีก์จูเฟลฟอสส์  (ฟินแลนด์-ไอซ์แลนด์)
05.20 น. เดินทางถึงเมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ แวะเปลี่ยนเครื่อง
07.40 น. ออกเดินทางสู่ เมืองเรคยาวิค ประเทศไอซ์แลนด์ โดยเที่ยวบินที่ AY 991 สายการบินฟินน์แอร์ 
09.30 น. ถึงสนามบิน สนามบินนานาชาติเคฟลาวิค ประเทศไอซ์แลนด์ ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว นำท่านเดินทางสู่ ครีก์จูเฟล เป็นภูเขาที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของไอซ์แลนด์ เรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์อีกหนึ่งสิ่งของประเทศไอซ์แลนด์เลยก็ว่าได้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางไปยัง น้ำตกครีก์จูเฟลฟอสส์ ให้ทุกท่านได้ถ่ายภาพเก็บ
เป็นที่ระลึก บริเวณด้านหลังของน้ำตกมี ภูเขาคีร์กจูเฟล หรือ “ภูเขาหมวกแม่มด” ตั้งอยู่เพียงหนึ่งเดียว เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของไอซ์แลนด์ นอกจากนี้นักปีนเขาที่มีประสบการณ์นิยมมาปืนขึ้นไปชมความงามบนยอดเขา คีร์กจูเฟล เป็นสถานที่ที่มีความงดงามตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเดินทางมาเที่ยวในช่วงไหน ด้วยหิมะเป็นสีขาวโพลน
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก ณ Selfoss Hotel หรือระดับเดียวกัน

วันที่สาม น้ำตกเซลจาลันต์ฟอสส์ - น้ำตกสโกการ์ - หมู่บ้านวิก (ไอซ์แลนด์)
 เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ น้ำตกเซลจาลันต์ฟอสส์ เป็นหนึ่งในน้ำตกที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศไอซ์แลนด์ โดยน้ำตกมีความสูงประมาณ 60 เมตร (200 ฟุต) แวะถ่ายภาพกับน้ำตกชื่อดังเสร็จแล้ว จากนั้นนำท่านเดินทางต่อไปยัง น้ำตกสโกการ์ เพื่อเที่ยวชมและแวะถ่ายภาพน้ำตกที่มีความสูงถึง 62 เมตร สโคการ์ฟอสส์ได้ชื่อว่าเป็นน้ำตกที่สูงที่สุดทางภาคใต้ของไอซ์แลนด์ ด้วยภาพของม่านน้ำสีขาวขนาดใหญ่ที่ทรงพลัง ไหลเทลงมาสู่พื้นเบื้องล่างตัดกับลานกว้างและโขดหินด้วยมอสสีเขียวบนกรวดดินสีดําที่เกิดจากเถ้าถ่านลาวา
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านวิก หมู่บ้านเล็กๆ ทางใต้ของไอซ์แลนด์ที่มีรายชื่อในการจัดอันดับชายหาดที่สวยที่สุดในโลกเมื่อปี 1991 เป็นหมู่บ้านที่มีฝนตกมากที่สุดในไอซ์แลนด์ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ชายหาดที่ดีที่สุดแต่ก็เป็นสถานที่น่ามหัศจรรย์ที่น่าไปชมเป็นอย่างยิ่ง 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก  ณ Laki Hotel Kirkjubaejarklauster หรือระดับเดียวกัน หลังจากเข้าสู่ที่พักท่านสามารถพักผ่อนตามอัธยาศัย บริเวณรอบๆโรงแรมท่านสามารถพบกับปรากฏการณ์“แสงออโรร่า” (AURORA LIGHT) หรือแสงเหนือ ซึ่งเป็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ ท่ามกลางทุ่งหิมะในคืนที่มืดสนิท มักพบได้ในช่วงฤดูหนาวเดือนธันวาคม – มีนาคม ของทุกปี  (ปรากฏการณ์แสงออโรร่าขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและค่า KP ในขณะนั้นด้วย)

วันที่สี่ อุทยานแห่งชาติสเกฟตาลเฟลส์ – โจกุลซาลอน – ธารน้ำแข็งพันปี (ไอซ์แลนด์)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านสู่ อุทยานแห่งชาติสเกฟตาลเฟลล์ จนเข้าสู่เขตอุทยานฯที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ตั้งอยู่ใต้ธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดเรียกว่าวาตนาเยอคูตล์ (Vatnajökull) มีขนาด 8,300 ตารางกิโลเมตร เท่ากับธารน้ำแข็งในทวีปยุโรปรวมกันและขนาดความหนามากที่สุดประมาณ 1,000 เมตร 
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ โจกุลซาลอน ธารน้ำแข็งพันปี อันเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีว่าเป็นทะเลสาบธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ ปรากฏขึ้นครั้งแรกในช่วงปีค.ศ.1934 -1935 และค่อยๆ ขยายตัวเพิ่มพื้นที่ขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันกินพื้นที่กว้างถึง 18 ตารางกิโลเมตร โดยมีความลึกของน้ำถึง 200 เมตร ได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่ลึกเป็นอันดับสองของไอซ์แลนด์ นักท่องเที่ยวไปเที่ยวที่นี่จะเห็นน้ำแข็งก้อนใหญ่ ๆ ที่ละลายลงมาจากภูเขาน้ำแข็งด้านบน และไหลลงสู่ทะเล บางครั้งอาจเห็นนกทะเลสีดำที่ริมฝั่งทะเลตรงปลายเชื่อมระหว่างทะเลกับโจกุลซาลอน ที่มีชื่อเรียกว่า Skúas และสีขาวตระกูลนกนางนวล ที่เรียกว่า big  seagulls  บางครั้งอาจจะได้เห็นสิงห์โตทะเลที่ดำผุดดำว่ายบริเวณนั้น ได้เวลาอันสมควรนำทุกท่านเดินทางกลับสู่เมืองวิก 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก  ณ Laki Hotel Kirkjubaejarklauster หรือระดับเดียวกัน หลังจากเข้าสู่ที่พักท่านสามารถพักผ่อนตามอัธยาศัย บริเวณรอบๆโรงแรมท่านสามารถพบกับปรากฏการณ์“แสงออโรร่า” (AURORA LIGHT) หรือแสงเหนือ ซึ่งเป็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ ท่ามกลางทุ่งหิมะในคืนที่มืดสนิท มักพบได้ในช่วงฤดูหนาวเดือนธันวาคม – มีนาคม ของทุกปี  (ปรากฏการณ์แสงออโรร่าขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและค่า KP ในขณะนั้นด้วย)

วันที่ห้า ไมดาลโจกุล - ขับขี่สโนว์โมบิล - หาดทรายดำ REYNISFJARA BLACK SAND BEACH – Dyrhólaey จุดชมวิวริมชายฝั่ง - เมืองเรคยาวิก (ไอซ์แลนด์)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ไมดาลโจกุล Myrdaljokull ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ ที่ถูกเปลี่ยนเป็นลานกว้างเพื่อกิจกรรมผจญภัยในช่วงฤดูหนาว นำท่านสนุกสนานกับกิจกรรม สโนว์โมบิล ขับขี่ตะลุยหิมะไปตามเส้นทางธรรมชาติที่สวยงามบนทุ่งน้ำแข็ง ซึ่งจะทำให้ทุกท่านสนุกสนานและตื่นเต้นตลอดการเดินทาง (กิจกรรมนี้ผู้ขับขี่ 2 คน/คัน สามารถสลับผู้ขับขี่ได้ระหว่างการเดินทาง) 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร หลังอาหารนำท่านออกเดินทางสู่ หาดทรายดำ REYNISFJARA BLACK SAND BEACH แห่งไอซ์แลนด์ เป็นหาดทรายดำที่สวยที่สุดของประเทศไอซ์แลนด์ ตั้งอยู่ห่างจากหมู่บ้านเล็กๆทางตอนใต้ของประเทศ บนชายหาดเต็มไปด้วยกรวดสีดำสนิทเป็นตะกอนเม็ดทรายสีดำที่สะสมตัวกันบริเวณชายหาด เมื่อมองดูระยะไกลเหมือนดินสีดำ นับเป็นชายหาดที่แปลกตามาก หาดทรายนี้เกิดขึ้นจากการสึกกร่อนของหินลาวาและแนวหินบะซอลต์ ที่ถูกพัดพาไปสะสมตัวบริเวณชายหาด โดยเม็ดทรายนี้มีความหนาแน่นและทนทานต่อการแตกสลายผุพัง ติดกับหาดทรายดำนี้มีแท่งหินบะซอลต์ทรงกระบอกหกเลี่ยมเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ อยู่เป็นจำนวนมาก ราวกับเป็นปฏิมากรรมที่ตั้งใจสร้างขึ้นมาจากนั้นนำท่าเที่ยวชม Dyrhólaey จุดชมวิวริมชายฝั่งทะเล  จุดเด่นของที่นี่คือตรงปลายสุดของแหลม เป็นจุดที่หน้าผาถูกน้ำทะเลกัดเซาะจนเกิดเป็นโพรงใหญ่ ขนาดที่เรือสามารถแล่นผ่านได้เลย ชื่อ Dyrhólaey มีที่มาจากเจ้าก้อนหินเป็นโพรง (Dyrhólaey แปลว่า door-hole) จากจุดนี้หากเรามองไปทางทิศเหนือเราจะเห็นธารน้ำแข็ง Myrdalsjokull หากมองไปทางฝั่งตะวันออกคือกลุ่มหินลาวา Reynisdrangar และหากมองไปฝั่งตะวันตก จะเห็นชายหาดที่ทอดตัวยาวไกล จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเรคยาวิก เป็นเมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์ และเป็นเมืองหลวงที่ตั้งอยู่ใกล้กับขั้วโลกเหนือมากที่สุด โดยตั้งอยู่ไม่ไกลจากเส้นอาร์กติกเซอร์เคิลมากนัก ทำเลที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ Foss Hotel Reykjavik  หรือระดับเดียวกัน สำหรับท่านที่สนใจทัวร์เสริม เพื่อตามล่าแสงเหนือในช่วงกลางคืนสามารถติดต่อได้ที่เคาน์เตอร์ของโรงแรม ทัวร์เสริมจะมีจัดให้บริการในวันที่มีการพยากรร์ว่ามีโอกาสพบแสงเหนือหรือแสงออโรร่า (ปรากฏการณ์แสงออโรร่าขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและค่า KP ในขณะนั้นด้วย) 

วันที่หก น้ำตกกุลล์ฟอสส์ – น้ำพุร้อนกีย์เซอร์ – อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ - บลูลากูน – อาบน้ำแร่ (ไอซ์แลนด์)     
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ น้ำตกกุลล์ฟอสส์ น้ำตกที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นน้ำตกที่สวยงามที่สุดในไอซ์แลนด์ และอาจจะกล่าวได้ว่าสวยงามกว่าน้ำตกไนแองการ่าอีกด้วย ถือว่าเป็นน้ำตกมีชื่อแห่งหนึ่งในจำนวนสถานที่  ท่องเที่ยวๆ หลายแห่งของประเทศนี้ และยังจัดว่าเป็นหนึ่งใน 3 สถานที่ที่ประเทศไอซ์แลนด์จัดให้อยู่ใน “วงกลมทองคำ” (Golden Circle) ที่เมื่อผู้มาเยือนไอซ์แลนด์ต้องไม่พลาดที่จะมาท่องเที่ยว น้ำตกแห่ง Gullfoss มีความหมายว่า น้ำตกทองคำ เนื่องจากเมื่อละอองน้ำปะทะกับแสงแดดแล้วจะสะท้อนแวววาวออกมาเป็นสีทองอร่าม และปรากฏเป็นรุ้งกินน้ำให้พบเห็นแก่ผู้มาท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นภาพที่อลังการสวยงามสมคำเล่าลือ จากนั้นนำท่านชม น้ำพุร้อนกีย์เซอร์ มีความร้อนประมาณ 400 องศาเซลเซียส พุ่งขึ้นมาจากใต้ดิน ในอดีตน้ำพุร้อนสามารถพุ่งได้สูงถึง200 ฟุต แต่น่าเสียดายที่ในปัจจุบันไม่เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว แต่ก็ยังสามารถพุ่งได้มากสุดที่ประมาณ 60 – 100 ฟุต ทุกๆ 5 นาที นับเป็นหนึ่งในความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติอีกแห่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดชม 
 กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร นำท่านเดินทางสู่ อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ อยู่ทางด้านตะวันออกของเรคยาวิค เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของไอซ์แลนด์ ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1928 ถูกขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ว่าให้เป็นสถานที่อันเป็นมรดกของชาวโลกในปี ค.ศ. 2004 นอกจาก Thingvellir จะมีรอยแตกแยกของแผ่นดินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก แล้วยังมีภูเขา ทุ่งลาวา หุบผา ถ้ำ ลำธาร น้ำตกและทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ชมรอยแตกของเปลือกโลกที่กว้างขึ้นในแต่ละปีเนื่องจากมีการเคลื่อนตัวแยกออกจากกันอยู่ตลอดเวลา พร้อมชมร่องรอยอาคารรัฐสภาอันเก่าแก่ตั้งแต่ปี 930 อิสระให้ท่านถ่ายภาพและเที่ยวชมความงดงามตามอัธยาศัย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ FossHotel Reykjavik  หรือระดับเดียวกัน สำหรับท่านที่สนใจทัวร์เสริม เพื่อตามล่าแสงเหนือในช่วงกลางคืนสามารถติดต่อได้ที่เคาน์เตอร์ของโรงแรม ทัวร์เสริมจะมีจัดให้บริการในวันที่มีการพยากรร์ว่ามีโอกาสพบแสงเหนือหรือแสงออโรร่า (ปรากฏการณ์แสงออโรร่าขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและค่า KP ในขณะนั้นด้วย)

วันที่เจ็ด โบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์คยา - อนุสาวรีย์ของเลฟร์ อีริกสัน - บลูลากูน – อาบน้ำแร่ (ไอซ์แลนด์)                     
 เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านถ่ายรูปด้านหน้า โบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์คยา เป็นโบสถ์ทางศาสนาคริสต์ที่สูงที่สุดในไอซ์แลนด์ เป็นจุดที่สูงอีกจุดหนึ่งของเมืองที่เมื่อขึ้นไปด้านบนจะมองเห็นทัศนียภาพของกรุงเรคยาวิกได้โดยรอบ โบสถ์นี้มีความสำคัญในฐานะที่เป็นศาสนสถาน เป็นสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์สถาปนิกกุดโยน (Guðjón Samúelsson) เป็นผู้ออกแบบสถาปัตยกรรมแนวอิมเพรสชั่นนิสท์ ซึ่งใช้เวลาการก่อสร้างถึง 38 ปี บริเวณด้านหน้าของโบสถ์ยังมี อนุสาวรีย์ของเลฟร์ อีริกสัน ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้า โดยอนุสาวรีย์นี้สหรัฐอเมริกามอบให้แก่ไอซ์แลนด์เนื่องในโอกาส เฉลิมฉลองครบรอบ 1,000 ปี จากนั้นนําท่านไปชมสถานที่สําคัญอีกแห่งหนึ่งคือ Hofdi House บ้านที่มีเรื่องราวในประวัติศาสตร์ของชาติอันน่าสนใจ เคยใช้เป็นที่รับรองและจัดเลี้ยง ผู้นํา 2 ประเทศมหาอํานาจผู้ยิ่งใหญ่ในการยุติสงครามเย็น นําท่านผ่านชม รัฐสภาของชาวไอซ์แลนด์ และ ศาลาเทศบาลเมือง 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


 กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองกรินก์วิก เพื่อนำท่านสู่ บลูลากูน แหล่งน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงโด่งดังของไอซ์แลนด์ เป็นเขตที่มีการเคลื่อนตัวของหินหลอมละลายใต้ดิน มากที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง การเคลื่อนตัวนี้ทำให้น้ำในบ่อร้อนขึ้นและมีไอน้ำระเหยขึ้นมา เป็นสถานที่อาบน้ำแร่ขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในโลก เป็นบ่อน้ำร้อนที่มีแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์หลายชนิด ซึ่งช่วยรักษาผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง เชิญอิสระตามอัธยาศัยให้ท่านแช่ตัวในสระธรรมชาติ ผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทาง ทดสอบพอกหน้าด้วยโคลนสีขาวของบลูลากูนที่ทำให้ผิวพรรณผ่องใสเรียบลื่นขึ้นตั้งแต่ครั้งแรก ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหลากชนิดของบลูลากูนเป็นสินค้ายอดนิยมของผู้ไปเยือน (มีบริการผ้าเช็ดตัว โคลนสีขาวสำหรับพอกหน้า) เพื่อความสะดวกกรุณาเตรียมชุดว่ายน้ำ หมวกคลุมผมไปด้วย ทางบลูลากูนอนุญาตให้ลงได้เฉพาะผู้สวมใส่ชุดว่ายน้ำเท่านั้น หากไม่ได้นำไปสามารถใช้บริการเช่าชุดว่ายน้ำได้ที่บลูลากูน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านสู่ที่พัก ณ Park Inn By Radisson Airport หรือระดับเดียวกัน

วันที่แปด สนามบินนานาชาติเคฟลาวิค – เมืองเฮลซิงกิ (ไอซ์แลนด์-ฟินแลนด์)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่ สนามบินนานาชาติเคฟลาวิค
10.25 น. ออกเดินทางสู่ เมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ โดยเที่ยวบินที่ AY992 สายการบินฟินน์แอร์ 
15.55 น. เดินทางถึง เมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ แวะเปลี่ยนเครื่อง
16.50 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ โดยเที่ยวบินที่ AY141 สายการบินฟินน์แอร์

(บริการอาหารและ เครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

วันที่เก้า    สนามบินสุวรรณภูมิ – กรุงเทพฯ (ไทย)
 07.25 น.    เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ

Blue Lagoon.jpg
kirkjufell-winter.jpg
South-Coast-Iceland-Seljalandsfoss-Water
14-54.jpg
Snowmobile-tour.jpg
shutterstock_227618467-2.jpg
Geyser.jpg
Hallgrímskirkja.jpg

6

bottom of page