top of page

วันแรก กรุงเทพฯ-สนามบินสุวรรณภูมิ (ไทย)
22.00 น. คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 ประตู 9  แถว T สายการบินเอมิเรตส์ (EK) เจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวก

วันที่สอง ดูไบ-กรุงมาดริด-พระราชวังหลวง-น้ำพุไซเบเลส-พลาซ่า มายอร์ (ยูเออี-สเปน)  
01.15 น. ออกเดินทางสู่ เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 385 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน) 
04.45 น. ถึงสนามบิน เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะเปลี่ยนเครื่อง  
07.35 น. เดินทางสู่กรุงมาดริด ประเทศสเปน โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 141
(บริการอาหารและ เครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

13.25 น. เดินทางถึง สนามบินกรุงมาดริด ประเทศสเปน ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้วนำท่านชมภายในพระราชวังหลวงแห่งสเปน แห่งกษัตริย์ฮวน คาร์ลอส มีความสวยงามโอ่อ่าอลังการไม่แพ้พระราชวังอื่นๆ ในทวีปยุโรป เนื่องจากแนวความคิดเปรียบเทียบความใหญ่โตของพระราชวังแวร์ซายส์ และความสวยงามของพระราชวังลูฟว์ ในฝรั่งเศส ตั้งอยู่บนเนินเขาริมฝั่งแม่น้ำแมนซานาเรส สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1735 ใช้เวลาสร้างถึง 25 ปี ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาเลียน โดยการผสมผสานระหว่างศิลปะแบบฝรั่งเศสและอิตาเลียนประกอบด้วยห้องต่างๆ มากมายถึง 2,830 ห้อง (แต่เปิดให้เข้าชมเพียง12ห้อง) ซึ่งนอกจากจะมีการตกแต่งอย่างงดงามแล้ว ยังเป็นที่เก็บภาพเขียนชิ้นสำคัญ ที่วาดโดยศิลปินในยุคนั้น รวมทั้งสิ่งของมีค่าต่างๆ อาทิ พัดโบราณ, นาฬิกา, หนังสือ, เครื่องใช้, อาวุธ ฯลฯ พร้อมชมความสวยงามของอุทยานหลวง อุทยานไม้ดอกไม้ประดับที่มีการเปลี่ยนพันธุ์ไม้ทุกฤดูกาลทำให้มีความสวยงามทั้งปี จากนั้นนำถ่ายรูปกับ น้ำพุไซเบเลส (Cibeles Fountain) ที่สร้างอุทิศให้แก่เทพธิดาไซเบลีน เป็นสถานที่ที่ใช้ในการเฉลิมฉลองในเทศกาลต่างๆของเมือง ผ่านชมประตูชัยอาคาล่า (Puerta De Alcala)  ที่สร้างถวายพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 นำท่านสู่ พลาซ่า มายอร์ (Plaza Mayor) ใกล้เขตปูเอต้าเดลซอล หรือประตูพระอาทิตย์ ซึ่งเป็นจตุรัสใจกลางเมือง นับเป็นจุดนับกิโลเมตรแรกของสเปน (กิโลเมตรที่ศูนย์) และยังเป็นศูนย์กลางรถไฟใต้ดินและรถเมล์ทุกสาย นอกจากนี้ยังเป็นจุดตัดของถนนสายสำคัญของเมืองที่หนาแน่นด้วยร้านค้าและห้างสรรพสินค้าใหญ่มากมาย
ค่ำบริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านสู่ที่พัก  ณ Axor Feria Hotel หรือระดับเดียวกัน

วันที่สาม เมืองเซโกเวีย-มหาวิหารแห่งเมืองเซโกเวีย-Las Rozas Village Outlet-ระบำฟลาเมงโก้ (สเปน)
 เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ เมืองเซโกเวีย เป็นเมืองหลักของจังหวัดเซโกเบีย ในแคว้นคาสตีลและเลออนของประเทศสเปน ตั้งอยู่บริเวณจุดบรรจบระหว่างแม่น้ำเอเรสมา กับแม่น้ำกลาโมเรสณ เชิงเขากวาดาร์รามา โดยขณะที่อยู่ภายใต้การปกครองของชาวโรมันและชาวมัวร์ เมืองนี้จึงมีชื่อเรียกว่า เซโกเบีย นำท่านถ่ายรูปกับ มหาวิหารแห่งเมืองเซโกเวีย และสะพานส่งน้ำโรมันที่มีชื่อเสียง นำชมเขตเมืองเก่าซึ่งล้อมรอบด้วยกำแพงที่สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 8 และได้รับการบูรณะในระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 15

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร นำท่านเดินทางสู่ Las Rozas Village Outlet อิสระให้ท่านได้เดินเล่นเลือกซื้อสินค้ามีกว่าร้อยร้านค้า อาทิ เช่น Amani, Barbour, Coach, Diesel, Furla, Onisuka Tiger,Polo Ralph lauren, Hugo Boss, Samsonite, Camper, Burbury, Superdry, Tag Heuer, Bvlgari, Calvin Klein ฯลฯ
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร หลังอาหารนำท่านชมการแสดงระบำฟลาเมงโก้ โชว์ชื่อดังซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของประเทศสเปน นำท่านสู่ที่พัก  ณ Axor Feria Hotel หรือระดับเดียวกัน 

วันที่สี่ เมืองโทเลโด-มหาวิหารโทเลโด-เมืองคอร์โดบา (สเปน)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านเดินทางสู่  นำท่านเดินทางสู่ เมืองโทเลโด (Toledo) อดีตเมืองหลวงเก่าของสเปนตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 13 เป็นเมืองแห่งศูนย์กลางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของสเปน ชื่อเมืองหมายถึงการผสมผสานของ 3 วัฒนธรรม คือ คริสเตียน, อิสลามและฮีบรู ตัวเมืองตั้งอยู่บนหน้าผาสูงเบื้องล่างล้อมรอบไปด้วยแม่น้ำตาโค (Tajo) ซึ่งเหมาะแก่การป้องกันการรุกรานจากข้าศึก นำท่านเที่ยวชมเมือง ข้ามสะพานแบบโรมันดั้งเดิม(ปูเอนเต เด อัลกานตารา) บนเนินเขาท่านจะเห็นกัสตีโย เด ซาน เซร์บานโด ป้อมปราการ ขนาดใหญ่ที่ชาวโรมันสร้างขึ้นเพื่อปกปักษ์รักษาเมือง นำท่านสู่เขตเมืองเก่า ผ่าน  ประตูเมืองปูเอร์ตาเดบิซากรา หนึ่งในประตูเมืองที่มีความสำคัญที่สุด นำท่านชมการผสมผสานของสถาปัตยกรรมอารบิค, มูเดฆาร์โกธิค เรเนสซองส์ นำท่านถ่ายรูปด้านหน้า มหาวิหารโทเลโด (Toledo Cathedral) สถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่ยิ่งใหญ่สวยงามแห่งหนึ่งของโลกใช้เวลาสร้างยาวนาน แต่เดิมชาวมุสลิมใช้เป็นสุเหร่า ต่อมาได้ก่อสร้างรูปทรงแบบโกธิคในปี 1226 และเพิ่มศิลปะแบบมูเดฆาร์ บาร็อค และนีโอคลาสสิค จนแล้วเสร็จสมบูรณ์ในอีก 300 ปีถัดมา ภายในมีการตกแต่งอย่างงดงามวิจิตรด้วยไม้แกะสลักและภาพสลักหินอ่อน มุมด้านในเป็นอัลคาซาร์ ผลงานของสถาปนิกระดับสุดยอด ในสมัยศตวรรษที่ 16 จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปบริเวณจุดชมวิวเพื่อชมทิวทัศน์ของเมืองโทเลโด ซึ่งเป็นทิวทัศน์ที่ จิตรกรชื่อดังของสเปน เอล เกรโก (Ei Greco) ได้เคยจำลองลงบนแผ่นภาพอย่างสวยงาม

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร  นำท่านเดินทางสู่ เมืองคอร์โดบา (Cordoba) ครั้งหนึ่งเคยถูกครอบครองโดยชาวโรมันและชาวมัวร์จากอาหรับ เมืองคอร์โดบาตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดัลกีเบีย เป็นเมืองศูนย์กลางของวัฒนธรรมมุสลิมในประเทศสเปน องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้เมืองคอร์โดบาเป็นเมืองมรดกโลกของประเทศสเปน เมืองนี้เป็นเมืองในระบบกาหลิบที่มีความเจริญรุ่งเรืองที่สุดของยุโรปในสมัยศตวรรษที่ 10 มีการสร้างมหาวิทยาลัยเน้นการเรียนรู้ด้านวรรณกรรม, วิทยาศาสตร์ ปรัชญาและการแพทย์
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านสู่ที่พัก  ณ Ayre Cordoba Hotel หรือระดับเดียวกัน

วันที่ห้า มัสยิดเมซกีต้า-เมืองเซวิลญ่า-มหาวิหารแห่งเซวิลญ่า-หอคอยฆีรัลดา (สเปน)
 เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านชม มัสยิดเมซกีต้า ที่มีขนาดใหญ่โตและออกแบบอย่างวิจิตรด้วยการใช้เสาหินจำนวนมากถึง 850 ต้น ต่อยอดเสาด้วยโครงสร้างคานโค้งแบบศิลปะโรมัน ผสมกับลวดลายแบบมัวริช ประดับด้วยเครื่องกระเบื้องเคลือบ อิฐ และหินฉลุลาย ทั่วทั้งอาคาร ด้านในสุดของมัสยิดจะสร้างมีหรับ อันเป็นเครื่องหมายแสดงทิศทางของเมืองเมกกะ ต่อมาเมื่อชาวคริสต์เข้ามายึดครองเมืองคอร์โดบา จึงได้มีกา รสร้างโบสถ์ขึ้นบริเวณกึ่งกลางของมัสยิด และสร้างหอระฆังสูง 93 เมตร ขึ้นในบริเวณสวนส้มและลานน้ำพุ

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร นำท่านเดินทางสู่ เมืองเซวิลญ่า (Seville) ซึ่งตั้งอยู่ในแคว้นอันดาลูเซีย เป็นเมืองที่มีมรดกทางวัฒนธรรม เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความเขียวขจี สวนสาธารณะและสวนดอกไม้งานเทศกาลที่จัดขึ้นในเมืองเซบีญ่าได้รับการกล่าวขานมากที่สุด เนื่องจากเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวามากที่สุดในแคว้นอัลดาลูซีย เมืองนี้เคยอยู่ภายใต้การปกครองของแขกมัวร์มานานกว่า 800 ปี จึงได้รับอิทธิพลศิลปะแบบแขกมัวร์ค่อนข้างมาก นำท่านชม มหาวิหารแห่งเซวิลญ่า (seville cathedral) วิหารแห่งเมืองเซบีญา มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ที่กรุงโรม และเซนต์ปอลที่ลอนดอน และใหญ่ที่สุดในสเปนสร้างด้วยศิลปะแบบโกธิค ภายในตกแต่งได้อย่างงามวิจิตร สร้างขึ้นแทนที่ตั้งของสุเหร่าเดิม โดยต้องการให้ยิ่งใหญ่แบบไม่มีใครเทียบเทียมได้ ในห้องเก็บทรัพย์สมบัติล้ำค่า มีทั้งภาพเขียน,เครื่องใช้ในพิธีของศาสนาที่ทำมาจากทองคำและเงินล้วนแต่ประเมินค่ามิได้ อีกทั้งยังเป็นที่เก็บศพของโคลัมบัสอีกด้วย นำท่านถ่ายรูป หอคอยฆีรัลดา (giralda)หอคอยฆีรัลดา ตึกทรงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสูง 93 เมตร (ไม่แนะนำสำหรับท่านที่สุขภาพไม่เอื้ออำนวย) ติดกันกับมหาวิหารเป็นลานส้มและน้ำพุ เพื่อใช้ในพิธีชำระร่างกายของอิสลาม ด้านหน้าเป็นลานกว้างมีปราสาทอัลคาซาร์ สถาปัตยกรรมที่ยังคงมีคราบเงาความบรรเจิด และความคิดสร้างสรรค์ของชาวมัวร์ ในอดีตเคยเป็นพระราชวังของกษัตริย์สเปนมาก่อน 
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านสู่ที่พัก ณ Alcora sevilla Hotel หรือระดับเดียวกัน 

วันที่หก เซวิลญ่า-เมืองลิสบอน-มหาวิหารเจอโร นิโม (สเปน-โปรตุเกส)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ เมืองลิสบอน (Lisbon) เมืองหลวงของโปรตุเกสตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเตจู้ (Tejo) โดยผ่านเส้นทางมอเตอร์เวย์สายสำคัญที่ท่านจะได้เพลิดเพลินกับภาพชีวิตชนบท ชาวไร่ ชาวสวน และป่าคอร์ค (Cock) ตลอดการเดินทางท่านจะได้ให้ภูมิประเทศที่แตกต่าง ทั้งริมฝั่งมหาสมุทรและ ฝั่งแผ่นดินใหญ่ ลิสบอนเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 800 ปี และเคยประสบกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวในศตวรรษที่ 17 จึงทำให้อาคารเก่าแก่โบราณได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ผู้นำคนสำคัญของเมืองในสมัยนั้น คือ มาร์คิส เดอร์ ปองปาล (Marquis de Pombal) ได้เริ่มบูรณะและจัดวางผังเมืองลิสบอนใหม่ให้ทันสมัย เกิดการสร้างถนนและอาคารสมัยใหม่กลายเป็นเมืองลิสบอนที่สวยงามมีเอกลักษณ์เป็นของตนเองจนถึงปัจจุบัน                

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร นำท่านเดินทางสู่ มหาวิหารเจอโร นิโม ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ วาสโก ดากามา ซึ่งได้เดินเรือสู่ประเทศอินเดียได้เป็นผลสำเร็จในปี ค.ศ. 1498 ซึ่งมหาวิหารแห่งนี้เป็นผลงานอันเยี่ยมยอดของงานสถาปัตยกรรมแบบมานูเอลไลน์ (Manueline) ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้นถึง 70 ปี จึงแล้วเสร็จสมบูรณ์ และได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ นำท่านสู่ที่พัก ณ VIP Executive Art’s Hotel หรือระดับเดียวกัน 

วันที่เจ็ด เมืองซินทรา-เคป ดา รอคค่า-เมืองลิสบอน-หอคอยเบเล็ง-สนามบิน (โปรตุเกส-ยูเออี)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ เมืองซินทรา (Sintra) อีกหนึ่งเมืองตากอากาศยอดนิยมของนักท่องเที่ยว เป็นที่ตั้งของพระราชวังที่สวยงามที่ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลก ความร่มรื่นของเขตอุทยานเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจในวันหยุดของชาวเมือง เป็นอีกเมืองที่มีสถาปัตยกรรมที่ค่อนข้างมีความโดดเด่นของแคว้นแกรนด์ลิสบอน ประเทศโปรตุเกส นำท่านชม เคป ดา รอคค่า (Cabo da roca) อันเป็นแหลมที่ตั้งอยู่ปลายสุดทางทิศตะวันตกของทวีป ยุโรป ถัดไปเป็นมหาสมุทรแอตแลนติก

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร นำท่านถ่ายรูปหอคอยเบเล็ง (Belem Tower) เดิมสร้างไว้กลางน้ำเพื่อเป็นป้อมรักษาการณ์ดูแลการเดินเรือ เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินเรือออกไปสำรวจ และค้นพบโลกของ วาสโก ดากามา และนักเดินเรือชาวโปรตุเกส เป็นอีกหนึ่งสถาปัตยกรรมแบบมานูเอลไลน์ที่สวยงาม จากนั้นนำท่านบันทึกภาพกับ อนุสาวรีย์ดิสคัฟเวอรี่ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1960 เพื่อฉลองการครบ 500 ปี แห่งการสิ้นพระชนม์ของ เจ้าชายเฮนรี่ เดอะเนวิเกเตอร์ สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่สนามบิน
21.15 น. ออกเดินทางสู่ เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 194 (บริการอาหารและ เครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

 

วันที่แปด ดูไบ-กรุงเทพฯ (ยูเออี-ไทย)
08.05 น. ถึง สนามบินเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะเปลี่ยนเครื่อง  
11.45 น. เดินทางสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 370  (บริการอาหารและ เครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

21.25 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ  โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ 
 

วันแรก กรุงเทพฯ-สนามบินสุวรรณภูมิ (ไทย)
22.00 น. คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 ประตู 9  แถว T สายการบินเอมิเรตส์ (EK) เจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวก

วันที่สอง ดูไบ-ปอร์โต-จัตุรัสกลางเมือง-เมืองโกอิมบรา (ยูเออี-โปรตุเกส)  
03.30 น. ออกเดินทางสู่ เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK377 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)  
06.55 น. ถึงสนามบิน เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะเปลี่ยนเครื่อง  
09.15 น. เดินทางสู่เมืองปอร์โต ประเทศโปรตุเกส โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 197
(บริการอาหารและ เครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

14.30 น. เดินทางถึง สนามบินเมืองปอร์โต้ ประเทศโปรตุเกส ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้วจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองปอร์โต้ (Porto) เป็นทางเหนือของประเทศโปรตุเกส เมืองที่มีชื่อเสียงถึง “ไวน์ปอร์โต้” ซึ่งเป็นแหล่งไวน์ชั้นดีของคนที่มีรสนิยมในการดื่มไวน์ และเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองและตั้งอยู่ริมแม่น้ำโดรู เมืองนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก้ ในปี ค.ศ.1996 ผ่านชมย่านจัตุรัสกลางเมือง Praça dos Liberdade ประกอบด้วยอาคารสวยงามที่เป็นที่ทำการของธนาคารและโรงแรมและศาลาว่าการเมือง ชมสถานีรถไฟ São Bento ซึ่งภายในมีการตกแต่งด้วยกระเบื้องเขียนสีที่มีลวดลายสีน้ำเงินที่เล่าเรื่องราวของชาวโปรตุเกส นำท่านแวะถ่ายรูปกับ โบสถ์ Sé de Porto ที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง อายุกว่าพันปี โบสถ์แห่งนี้เป็นที่จัดงานอภิเษกสมรสของกษัตริย์ João ที่ 1 บิดาของเจ้าชายเฮนรี่ ผู้บุกเบิกการเดินเรืออันยิ่งใหญ่ของโปรตุเกส สร้างอยู่บนเนินที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมือง จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองโกอิมบรา (Coimbra) เป็นอีกเมืองสำคัญของโปรตุเกส ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือแม่น้ำมอนเดโก(Mondego) ในอดีตเมืองนี้ได้รับการเรียกขนานนามว่า เอมีเนียม แต่ในปีค.ศ. 711 เมืองนี้ถูกปกครองโดยชาวแขกมัวร์และเป็นเมืองที่เชื่อมการค้าระหว่างชาวคริสต์ทางตอนเหนือและชาวมุสลิมทางตอนใต้และในปี ค.ศ. 1064 กษัตริย์เฟอร์ดินาน ที่ 1 แห่งลีออน ได้รบชนะชาวแขกมัวร์และปลดปล่อยเมืองโกอิมบรา และเมืองแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ตั้งของ มหาวิทยาลัยโกอิมบรา(Coimbra University) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ก่อตั้งในปี ค.ศ.1290 แต่ก็ถูกเปลี่ยนเป็นพระราชวังหลวง ( Coimbra Royal Palace ) โดยกษัตริย์ คิงส์จอห์นที่ 3 ในปี ค.ศ.1537 ซึ่งยังคงศิลปะสไตล์บาร็อคที่สวยงาม 
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านสู่ที่พัก  ณ Vila Gale Coimbra หรือระดับเดียวกัน 

วันที่สาม เมืองฟาติมา-โบสถ์แม่พระฟาติมา-เมืองซินทรา-เคป ดา รอคค่า-เมืองลิสบอน (โปรตุเกส)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองฟาติมา (Fatima) เมืองซึ่งเป็นที่รู้จักของผู้แสวงบุญผู้ซึ่งเดินทางมาสักการะบูชาพระแม่มารีที่มหาวิหารขนาดใหญ่ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศแก่พระแม่มารี จากนั้นนำท่านถ่ายรูปด้านหน้า โบสถ์แม่พระฟาติมา (The Lady of Fatima Basilica) ซึ่งเป็นโบสถ์โรมันคาทอลิก ก่อสร้างในกลางศตวรรษที่20 นำท่านชมรูปปั้นพระแม่มารีที่มีความศักดิ์สิทธิ์และเป็นหนึ่งในหลายเส้นทางของคริสต์ศาสนิกชนในการแสวงบุญ

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นเดินทางสู่ เมืองซินทรา (Sintra) อีกหนึ่งเมืองตากอากาศยอดนิยมของนักท่องเที่ยว เป็นที่ตั้งของพระราชวังที่สวยงามที่ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลก ความร่มรื่นของเขตอุทยานเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจในวันหยุดของชาวเมือง เป็นอีกเมืองที่มีสถาปัตยกรรมที่ค่อนข้างมีความโดดเด่นของแคว้นแกรนด์ลิสบอน ประเทศโปรตุเกส นำท่านชม เคป ดา รอคค่า (Cabo da roca) อันเป็นแหลมที่ตั้งอยู่ปลายสุดทางทิศตะวันตกของทวีปยุโรป นำท่านเดินทางสู่ เมืองลิสบอน (Lisbon) เมืองหลวงของโปรตุเกสตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเตจู้ (Tejo) โดยผ่านเส้นทางมอเตอร์เวย์สายสำคัญที่ท่านจะได้เพลิดเพลินกับภาพชีวิตชนบท ชาวไร่ ชาวสวน และป่าคอร์ค (Cock) ตลอดการเดินทางท่านจะได้เห็นภูมิประเทศที่แตกต่าง ทั้งริมฝั่งมหาสมุทรและฝั่งแผ่นดินใหญ่ ลิสบอนเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 800 ปี และเคยประสบกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวในศตวรรษที่ 17 จึงทำให้อาคารเก่าแก่โบราณได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ผู้นำคนสำคัญของเมืองในสมัยนั้น คือ มาร์คิส เดอร์ ปองปาล (Marquis de Pombal) ได้เริ่มบูรณะและจัดวางผังเมืองลิสบอนใหม่ให้ทันสมัย เกิดการสร้างถนนและอาคารสมัยใหม่กลายเป็นเมืองลิสบอนที่สวยงามมีเอกลักษณ์เป็นของตนเองจนถึงปัจจุบันหลัง   
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านสู่ที่พัก  ณ NH Lisboa Campo Grnde หรือระดับเดียวกัน 

วันที่สี่ ลิสบอน-มหาวิหารเจอรานิโม-หอคอยเบเล็ง-เมืองบาดาโฮซ (โปรตุเกส-สเปน)
 เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ มหาวิหารเจอโร นิโม ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ วาสโก ดากามา ซึ่งได้เดินเรือสู่ประเทศอินเดียได้เป็นผลสำเร็จในปี ค.ศ. 1498 ซึ่งมหาวิหารแห่งนี้เป็นผลงานอันเยี่ยมยอดของงานสถาปัตยกรรมแบบมานูเอลไลน์ (Manueline) ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้นถึง 70 ปี จึงแล้วเสร็จสมบูรณ์ และได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก นำท่านถ่ายรูปหอคอยเบเล็ง (Belem Tower) เดิมสร้างไว้กลางน้ำเพื่อเป็นป้อมรักษาการณ์ดูแลการเดินเรือ เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินเรือออกไปสำรวจ และค้นพบโลกของ วาสโก ดากามา และนักเดินเรือชาวโปรตุเกส เป็นอีกหนึ่งสถาปัตยกรรมแบบมานูเอลไลน์ที่สวยงาม จากนั้นนำท่านบันทึกภาพกับ อนุสาวรีย์ดิสคัฟเวอรี่ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1960 เพื่อฉลองการครบ 500 ปี แห่งการสิ้นพระชนม์ของ เจ้าชายเฮนรี่ เดอะเนวิเกเตอร์
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร นำท่านเดินทางสู่สมควรแก่เวลาออกเดินทางสู่ เมืองบาดาโฮซ (Badajoz) เมืองหลวงของแคว้นเอ็กซ์ตร้ามาดูราทางตอนใต้ของสเปน เป็นเมืองใหญ่ที่สุดของแคว้น และมีความโดดเด่นในด้านสถาปัตยกรรมที่พวกมัวร์ทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลัง
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านสู่ที่พัก  ณ AC Badajoz by Marriot หรือระดับเดียวกัน 

วันที่ห้า มหาวิหารแห่งเซวิลญ่า-หอคอยฆีรัลดา-คอร์โดบา-มัสยิดเมซกีต้า (สเปน)
 เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเซวิลญ่า (Seville) ซึ่งตั้งอยู่ในแคว้นอันดาลูเซีย เป็นเมืองที่มีมรดกทางวัฒนธรรม เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความเขียวขจี สวนสาธารณะและสวนดอกไม้งานเทศกาลที่จัดขึ้นในเมืองเซบีญ่าได้รับการกล่าวขานมากที่สุด เนื่องจากเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวามากที่สุดในแคว้นอัลดาลูซีย เมืองนี้เคยอยู่ภายใต้การปกครองของแขกมัวร์มานานกว่า 800 ปี จึงได้รับอิทธิพลศิลปะแบบแขกมัวร์ค่อนข้างมาก นำท่านเข้าชม มหาวิหารแห่งเซวิลญ่า (seville cathedral) วิหารแห่งเมืองเซวิลญ่า มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ที่กรุงโรม และเซนต์ปอลที่ลอนดอน และใหญ่ที่สุดในสเปนสร้างด้วยศิลปะแบบโกธิค ภายในตกแต่งได้อย่างงามวิจิตร สร้างขึ้นแทนที่ตั้งของสุเหร่าเดิม โดยต้องการให้ยิ่งใหญ่แบบไม่มีใครเทียบเทียมได้ ในห้องเก็บทรัพย์สมบัติล้ำค่า มีทั้งภาพเขียน,เครื่องใช้ในพิธีของศาสนาที่ทำมาจากทองคำและเงินล้วนแต่ประเมินค่ามิได้ อีกทั้งยังเป็นที่เก็บศพของโคลัมบัสอีกด้วย นำท่านถ่ายรูป หอคอยฆีรัลดา (giralda)  ตึกทรงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสูง 93 เมตร (ไม่แนะนำสำหรับท่านที่สุขภาพไม่เอื้ออำนวย) ติดกันกับมหาวิหารเป็นลานส้มและน้ำพุเพื่อใช้ในพิธีชำระร่างกายของอิสลาม ด้านหน้าเป็นลานกว้างมีปราสาทอัลคาซาร์ สถาปัตยกรรมที่ยังคงมีคราบเงาความบรรเจิด และความคิดสร้างสรรค์ของชาวมัวร์ ในอดีตเคยเป็นพระราชวังของกษัตริย์สเปนมาก่อน
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร นำท่านเดินทางสู่ เมืองคอร์โดบา (Cordoba) ครั้งหนึ่งเคยถูกครอบครองโดยชาวโรมันและชาวมัวร์จากอาหรับ เมืองคอร์โดบาตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดัลกีเบีย เป็นเมืองศูนย์กลางของวัฒนธรรมมุสลิมในประเทศสเปน องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้เมืองคอร์โดบาเป็นเมืองมรดกโลกของประเทศสเปน เมืองนี้เป็นเมืองในระบบกาหลิบที่มีความเจริญรุ่งเรืองที่สุดของยุโรปในสมัยศตวรรษที่ 10 มีการสร้างมหาวิทยาลัยเน้นการเรียนรู้ด้านวรรณกรรม, วิทยาศาสตร์ ปรัชญาและการแพทย์ นำท่านเข้าชม มัสยิดเมซกีต้า ที่มีขนาดใหญ่โตและออกแบบอย่างวิจิตรด้วยการใช้เสาหินจำนวนมากถึง 850 ต้น ต่อยอดเสาด้วยโครงสร้างคานโค้งแบบศิลปะโรมัน ผสมกับลวดลายแบบมัวริช ประดับด้วยเครื่องกระเบื้องเคลือบ อิฐ และหินฉลุลาย ทั่วทั้งอาคาร ด้านในสุดของมัสยิดจะสร้างมีหรับ อันเป็นเครื่องหมายแสดงทิศทางของเมืองเมกกะ ต่อมาเมื่อชาวคริสต์เข้ามายึดครองเมืองคอร์โดบา จึงได้มีการสร้างโบสถ์ขึ้นบริเวณกึ่งกลางของมัสยิด และสร้างหอระฆังสูง 93 เมตร ขึ้นในบริเวณสวนส้มและลานน้ำพุ
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านสู่ที่พัก  ณ Ayre Cordoba Hotel หรือระดับเดียวกัน

วันที่หก เมืองโทเลโด-มหาวิหารโทเลโด-กรุงมาดริด (สเปน)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นเดินทางสู่ เมืองโทเลโด (Toledo) อดีตเมืองหลวงเก่าของสเปนตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 13 เป็นเมืองแห่งศูนย์กลางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของสเปน ชื่อเมืองหมายถึงการผสมผสานของ 3 วัฒนธรรม คือ คริสเตียน, อิสลามและฮีบรู ตัวเมืองตั้งอยู่บนหน้าผาสูงเบื้องล่างล้อมรอบไปด้วย แม่น้ำตาโค (Tajo) ซึ่งเหมาะแก่การป้องกันการรุกรานจากข้าศึก นำท่านเที่ยวชมเมืองและข้ามสะพานแบบโรมันดั้งเดิม (ปูเอนเต เด อัลกานตารา) บนเนินเขาท่านจะเห็นกัสตีโย เด ซาน เซร์บานโด ป้อมปราการ ขนาดใหญ่ที่ชาวโรมันสร้างขึ้นเพื่อปกปักษ์รักษาเมือง นำท่านสู่เขตเมืองเก่า ผ่าน  ประตูเมืองปูเอร์ตาเดบิซากรา หนึ่งในประตูเมืองที่มีความสำคัญที่สุด นำท่านชมการผสมผสานของสถาปัตยกรรมอารบิค, มูเดฆาร์โกธิค เรเนสซองส์
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านถ่ายรูปด้านหน้า  มหาวิหารโทเลโด (Toledo Cathedral) สถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่ยิ่งใหญ่สวยงามแห่งหนึ่งของโลกใช้เวลาสร้างยาวนาน แต่เดิมชาวมุสลิมใช้เป็นสุเหร่า ต่อมาได้ก่อสร้างรูปทรงแบบโกธิคในปี 1226 และเพิ่มศิลปะแบบมูเดฆาร์ บาร็อค และนีโอคลาสสิค จนแล้วเสร็จสมบูรณ์ในอีก 300 ปีถัดมา ภายในมีการตกแต่งอย่างงดงามวิจิตรด้วยไม้แกะสลักและภาพสลักหินอ่อน มุมด้านในเป็นอัลคาซาร์ ผลงานของสถาปนิกระดับสุดยอดในสมัยศตวรรษที่ 16 จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปบริเวณจุดชมวิวเพื่อชมทิวทัศน์ของเมืองโทเลโด ซึ่งเป็นทิวทัศน์ที่จิตรกรชื่อดังของสเปน เอล เกรโก (Ei Greco) ได้เคยจำลองลงบนแผ่นภาพอย่างสวยงาม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ กรุงมาดริด เมืองหลวงของประเทศสเปน ตั้งอยู่ใจกลางแหลมไอบีเรียน ในระดับความสูง 650 เมตร เป็นมหานครอันทันสมัยล้ำยุคที่กษัตริย์ฟิลลิปที่ 2 ได้ทรงย้ายที่ประทับจากเมืองโทเลโดมาที่นี่และประกาศให้มาดริดเป็นเมืองหลวงใหม่ ยกเว้นในช่วงประมาณปี ค.ศ. 1601-1607 เมื่อพระเจ้าฟิลลิปที่ 3 ได้ย้ายเมืองหลวงไปที่เมืองวัลลาโดลิด มาดริดได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก และสูงสุดแห่งหนึ่งในยุโรป
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านสู่ที่พัก  ณ Axor Feria Hotel หรือระดับเดียวกัน

วันที่เจ็ด เมืองโทเลโด-มหาวิหารโทเลโด-กรุงมาดริด (สเปน)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นเดินทางสู่ เมืองโทเลโด (Toledo) อดีตเมืองหลวงเก่าของสเปนตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 13 เป็นเมืองแห่งศูนย์กลางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของสเปน ชื่อเมืองหมายถึงการผสมผสานของ 3 วัฒนธรรม คือ คริสเตียน, อิสลามและฮีบรู ตัวเมืองตั้งอยู่บนหน้าผาสูงเบื้องล่างล้อมรอบไปด้วย    แม่น้ำตาโค (Tajo) ซึ่งเหมาะแก่การป้องกันการรุกรานจากข้าศึก นำท่านเที่ยวชมเมืองและข้ามสะพานแบบโรมันดั้งเดิม (ปูเอนเต เด อัลกานตารา) บนเนินเขาท่านจะเห็นกัสตีโย เด ซาน เซร์บานโด ป้อมปราการ ขนาดใหญ่ที่ชาวโรมันสร้างขึ้นเพื่อปกปักษ์รักษาเมือง นำท่านสู่เขตเมืองเก่า ผ่าน  ประตูเมืองปูเอร์ตาเดบิซากรา หนึ่งในประตูเมืองที่มีความสำคัญที่สุด นำท่านชมการผสมผสานของสถาปัตยกรรมอารบิค, มูเดฆาร์โกธิค เรเนสซองส์
 กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านถ่ายรูปด้านหน้า  มหาวิหารโทเลโด (Toledo Cathedral) สถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่ยิ่งใหญ่สวยงามแห่งหนึ่งของโลกใช้เวลาสร้างยาวนาน แต่เดิมชาวมุสลิมใช้เป็นสุเหร่า ต่อมาได้ก่อสร้างรูปทรงแบบโกธิคในปี 1226 และเพิ่มศิลปะแบบมูเดฆาร์ บาร็อค และนีโอคลาสสิค จนแล้วเสร็จสมบูรณ์ในอีก 300 ปีถัดมา ภายในมีการตกแต่งอย่างงดงามวิจิตรด้วยไม้แกะสลักและภาพสลักหินอ่อน มุมด้านในเป็นอัลคาซาร์ ผลงานของสถาปนิกระดับสุดยอดในสมัยศตวรรษที่ 16 จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปบริเวณจุดชมวิวเพื่อชมทิวทัศน์ของเมืองโทเลโด ซึ่งเป็นทิวทัศน์ที่จิตรกรชื่อดังของสเปน เอล เกรโก (Ei Greco) ได้เคยจำลองลงบนแผ่นภาพอย่างสวยงาม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ กรุงมาดริด เมืองหลวงของประเทศสเปน ตั้งอยู่ใจกลางแหลมไอบีเรียน ในระดับความสูง 650 เมตร เป็นมหานครอันทันสมัยล้ำยุคที่กษัตริย์ฟิลลิปที่ 2 ได้ทรงย้ายที่ประทับจากเมืองโทเลโดมาที่นี่และประกาศให้มาดริดเป็นเมืองหลวงใหม่ ยกเว้นในช่วงประมาณปี ค.ศ. 1601-1607 เมื่อพระเจ้าฟิลลิปที่ 3 ได้ย้ายเมืองหลวงไปที่เมืองวัลลาโดลิด มาดริดได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก และสูงสุดแห่งหนึ่งในยุโรป
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านสู่ที่พัก  ณ Axor Feria Hotel หรือระดับเดียวกัน

 

วันที่แปด มหาวิหารแม่พระแห่งเสาศักดิ์สิทธิ์-เขามองเซอร์รัต-เมืองบาร์เซโลน่า (สเปน)
 เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านชมด้านหน้า มหาวิหารแม่พระแห่งเสาศักดิ์สิทธิ์ (Basilica of our Lady of The Pillar)หรือที่รู้จักในนาม ซานตา มเรีย เดอร์ฟิลลาร์ ตามตำนานสมัยแรกเริ่มของพระศาสนจักรกล่าวไว้ว่า นักบุญยาค็อบองค์ใหญ่อัครสาวก เป็นผู้นิพนธ์พระวรสารที่ซีซาเรากุสต้า งานเผยแพร่ธรรมของท่านไม่ได้เกิดผลมากมายนักจนกระทั่งท่านเห็นพระนางมารีมาปรากฏเพื่อชักชวนท่านไปยัง กรุงเยลูซาเล็ม (Jerusalem)ในนิมิตนั้นพระนางปรากฎอยู่บนเสาที่ถูกแบกมาโดยหมู่เทพนิกร และเชื่อกันว่าเป็นเสาศักดิ์สิทธิ์ต้นเดียวกับที่เป็นที่เคารพนับถือกันในเมืองซาราโกซ่า (Zaragoza) มีรายงานว่าคริสต์ศาสนิกชนนิยมมากราบไหว้ ขอพรจากพระแม่มารีให้หายจากอาการเจ็บป่วย ณ ที่แห่งนี้เป็นจำนวนมาก
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เขามองเซอร์รัต  ที่สูงถึง 1,236 เมตรจากน้ำทะเล ภูเขามองเซอร์รัต มีลักษณะรูปทรงเป็นหินตะปุ่มตะป่ำแปลกประหลาด ว่ากันว่าบริเวณนี้เดิมเคยเป็นทะเลมาก่อนเพราะยังมีซากเศษหอยอยู่ทั่วไป หินรูปทรงประหลาดของยอดเขาก็คาดว่าเกิดจากแรงดันตามธรรมชาตินับล้านปีมาแล้ว อาณาบริเวณที่ตั้งของวิหารมองเซอร์รัตซึ่งซ่อนตัวอยู่บนยอดเขาได้อย่างตระการตานั้น มีพื้นที่กว้างขวางจนทำให้น่าสงสัยว่าเขานำวัสดุก่อสร้างมากมายขึ้นมาสร้างบนเขาที่สูงขนาดนี้ได้อย่างไรภัตตาคาร นำท่านเดินทางสู่ เมืองบาร์เซโลน่า เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศสเปน ทั้งในด้านขนาดและประชากร ตั้งอยู่บนฝั่งของแหลมไอบีเรียชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนีย เป็นเมืองสำคัญที่สุดของแคว้นคาตาลุนญ่า
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร หลังอาหารนำท่านชม การแสดงระบำฟลาเมงโก้ การแสดงชื่อดังซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่สืบทอดต่อกันมาและเป็นการแสดงที่มีชื่อเสียงของประเทศสเปน สมควรแก่เวลานำท่านสู่ที่พัก  ณ Front Air Congress Hotel หรือระดับเดียวกัน

วันที่เก้า สนามคัมป์นู-ยอดเขามองต์จูอิค-ซากราดาฟามีเลีย-La Rocca Village-สนามบิน (สเปน-ยูเออี)
 เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านถ่ายรูปหน้าสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาที่มี ชื่อว่า คัมป์นู ตั้งอยู่ที่เมืองบาร์เซโลนา แคว้นกาตาลุนญาประเทศสเปน เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ค.ศ. 1954 อิสระช้อปปิ้งร้านขายของประจำสโมสร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่จุดชมวิวบริเวณ  ยอดเขามองต์จูอิค ซึ่งสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของตัวเมืองบาเซโลน่าได้อย่างสวยงาม จากนั้นนำท่านถ่ายรูปด้านหน้า ซากราดาฟามีเลีย  เป็นสถาปัตยกรรมประจำเมืองบาร์เซโลนาในประเทศสเปนที่ออกแบบโดยอันตอนี เกาดี สถาปนิกชาวคาตาลัน เป็นผลงานที่เรียกว่า โมเดิร์นนิสโม เป็นงานศิลปะเฉพาะถิ่นและเป็นอาร์ตนูโวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โบสถ์แห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.2425 จนกระทั่งทุกวันนี้ก็ยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ 
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารนำท่านเดินทางสู่ La Rocca Village แหล่งช้อปปิ้งที่รวมร้านค้าแบรนด์เนมชื่อดังมากมาย สัมผัสประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ครบครันด้วยสินค้าชั้นนำต่างๆ มากมาย เช่น Armani, Burberry, Calvin Klein, Coach, Escada, Gucci, Guess, Hugo Boss, Kipling, L’Occitane, Levi’s, Lacoste, Loewe, Michael Kors, Nike, Polo และอื่นๆอีกมากมาย ถึงเวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่สนามบิน
22.40 น.  ออกเดินทางสู่ เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK188
(บริการอาหารและ เครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

 

วันที่สิบ ดูไบ-กรุงเทพฯ (ยูเออี-ไทย)
07.35 น. ถึง สนามบินเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะเปลี่ยนเครื่อง  
09.40 น. เดินทางสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK372  
(บริการอาหารและ เครื่องดื่มบนเครื่องบิน)
 19.15 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ  โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ 


 

8 พฤศจิกายน 2562 - 3 มกราคม 2563

วันเดินทาง

สายการบินเอมิเรตส์ (Emirates)

สายการบิน

รหัส : Ek017

โปรแกรมทัวร์ :  โปรตุเกส สเปน 10 วัน

รายละเอียดโปรแกรม :  ปอร์โต้โกอิมบา ฟาติมา ซินทรา เคปดารอคค่า ลิสบอน หอคอยเบเล็ง เซวิลญ่า คอร์โดบา โทเลโด กรุงมาดริด

พลาซ่ามาเยอร์ ซาราโกซ่า บาเซโลน่า ซากราดฟามีเลีย ช้อปปิ้ง La Rocca Village

ราคาเริ่มต้น : 52,900 TH

line-logo.png

ดาวน์โหลดใบสั่งจองโปรแกรมทัวร์

** รายการทัวร์ทางหน้าเว็บไซต์ เป็นการนำเสนอรายการเบื้องต้นเท่านั้น กรุณาติดต่อแผนกเซลล์ เพื่อขอรายการทัวร์ทุกครั้ง

6

2

1

3

5

4

6

7

8

วันแรก กรุงเทพฯ-สนามบินสุวรรณภูมิ (ไทย)
22.00 น. คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 ประตู 9  แถว T สายการบินเอมิเรตส์ (EK) เจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวก

วันที่สอง ดูไบ-ปอร์โต-จัตุรัสกลางเมือง-เมืองโกอิมบรา (ยูเออี-โปรตุเกส)  
03.30 น. ออกเดินทางสู่ เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK377 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)  
06.55 น. ถึงสนามบิน เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะเปลี่ยนเครื่อง  
09.15 น. เดินทางสู่เมืองปอร์โต ประเทศโปรตุเกส โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 197
(บริการอาหารและ เครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


 14.30 น. เดินทางถึง สนามบินเมืองปอร์โต้ ประเทศโปรตุเกส ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้วจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองปอร์โต้ (Porto) เป็นทางเหนือของประเทศโปรตุเกส เมืองที่มีชื่อเสียงถึง “ไวน์ปอร์โต้” ซึ่งเป็นแหล่งไวน์ชั้นดีของคนที่มีรสนิยมในการดื่มไวน์ และเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองและตั้งอยู่ริมแม่น้ำโดรู เมืองนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก้ ในปี ค.ศ.1996 ผ่านชมย่านจัตุรัสกลางเมือง Praça dos Liberdade ประกอบด้วยอาคารสวยงามที่เป็นที่ทำการของธนาคารและโรงแรมและศาลาว่าการเมือง ชมสถานีรถไฟ São Bento ซึ่งภายในมีการตกแต่งด้วยกระเบื้องเขียนสีที่มีลวดลายสีน้ำเงินที่เล่าเรื่องราวของชาวโปรตุเกส นำท่านแวะถ่ายรูปกับ โบสถ์ Sé de Porto ที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง อายุกว่าพันปี โบสถ์แห่งนี้เป็นที่จัดงานอภิเษกสมรสของกษัตริย์ João ที่ 1 บิดาของเจ้าชายเฮนรี่ ผู้บุกเบิกการเดินเรืออันยิ่งใหญ่ของโปรตุเกส สร้างอยู่บนเนินที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมือง จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองโกอิมบรา (Coimbra) เป็นอีกเมืองสำคัญของโปรตุเกส ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือแม่น้ำมอนเดโก(Mondego) ในอดีตเมืองนี้ได้รับการเรียกขนานนามว่า เอมีเนียม แต่ในปีค.ศ. 711 เมืองนี้ถูกปกครองโดยชาวแขกมัวร์และเป็นเมืองที่เชื่อมการค้าระหว่างชาวคริสต์ทางตอนเหนือและชาวมุสลิมทางตอนใต้และในปี ค.ศ. 1064 กษัตริย์เฟอร์ดินาน ที่ 1 แห่งลีออน ได้รบชนะชาวแขกมัวร์และปลดปล่อยเมืองโกอิมบรา และเมืองแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ตั้งของ มหาวิทยาลัยโกอิมบรา(Coimbra University) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ก่อตั้งในปี ค.ศ.1290 แต่ก็ถูกเปลี่ยนเป็นพระราชวังหลวง ( Coimbra Royal Palace ) โดยกษัตริย์ คิงส์จอห์นที่ 3 ในปี ค.ศ.1537 ซึ่งยังคงศิลปะสไตล์บาร็อคที่สวยงาม 
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านสู่ที่พัก  ณ Vila Gale Coimbra หรือระดับเดียวกัน 

วันที่สาม เมืองฟาติมา-โบสถ์แม่พระฟาติมา-เมืองซินทรา-เคป ดา รอคค่า-เมืองลิสบอน (โปรตุเกส)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองฟาติมา (Fatima) เมืองซึ่งเป็นที่รู้จักของผู้แสวงบุญผู้ซึ่งเดินทางมาสักการะบูชาพระแม่มารีที่มหาวิหารขนาดใหญ่ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศแก่พระแม่มารี จากนั้นนำท่านถ่ายรูปด้านหน้า โบสถ์แม่พระฟาติมา (The Lady of Fatima Basilica) ซึ่งเป็นโบสถ์โรมันคาทอลิก ก่อสร้างในกลางศตวรรษที่20 นำท่านชมรูปปั้นพระแม่มารีที่มีความศักดิ์สิทธิ์และเป็นหนึ่งในหลายเส้นทางของคริสต์ศาสนิกชนในการแสวงบุญ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นเดินทางสู่ เมืองซินทรา (Sintra) อีกหนึ่งเมืองตากอากาศยอดนิยมของนักท่องเที่ยว เป็นที่ตั้งของพระราชวังที่สวยงามที่ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลก ความร่มรื่นของเขตอุทยานเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจในวันหยุดของชาวเมือง เป็นอีกเมืองที่มีสถาปัตยกรรมที่ค่อนข้างมีความโดดเด่นของแคว้นแกรนด์ลิสบอน ประเทศโปรตุเกส นำท่านชม เคป ดา รอคค่า (Cabo da roca) อันเป็นแหลมที่ตั้งอยู่ปลายสุดทางทิศตะวันตกของทวีปยุโรป นำท่านเดินทางสู่ เมืองลิสบอน (Lisbon) เมืองหลวงของโปรตุเกสตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเตจู้ (Tejo) โดยผ่านเส้นทางมอเตอร์เวย์สายสำคัญที่ท่านจะได้เพลิดเพลินกับภาพชีวิตชนบท ชาวไร่ ชาวสวน และป่าคอร์ค (Cock) ตลอดการเดินทางท่านจะได้เห็นภูมิประเทศที่แตกต่าง ทั้งริมฝั่งมหาสมุทรและฝั่งแผ่นดินใหญ่ ลิสบอนเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 800 ปี และเคยประสบกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวในศตวรรษที่ 17 จึงทำให้อาคารเก่าแก่โบราณได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ผู้นำคนสำคัญของเมืองในสมัยนั้น คือ มาร์คิส เดอร์ ปองปาล (Marquis de Pombal) ได้เริ่มบูรณะและจัดวางผังเมืองลิสบอนใหม่ให้ทันสมัย เกิดการสร้างถนนและอาคารสมัยใหม่กลายเป็นเมืองลิสบอนที่สวยงามมีเอกลักษณ์เป็นของตนเองจนถึงปัจจุบันหลัง   
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านสู่ที่พัก  ณ NH Lisboa Campo Grnde หรือระดับเดียวกัน 

วันที่สี่ ลิสบอน-มหาวิหารเจอรานิโม-หอคอยเบเล็ง-เมืองบาดาโฮซ (โปรตุเกส-สเปน)
 เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ มหาวิหารเจอโร นิโม ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ วาสโก ดากามา ซึ่งได้เดินเรือสู่ประเทศอินเดียได้เป็นผลสำเร็จในปี ค.ศ. 1498 ซึ่งมหาวิหารแห่งนี้เป็นผลงานอันเยี่ยมยอดของงานสถาปัตยกรรมแบบมานูเอลไลน์ (Manueline) ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้นถึง 70 ปี จึงแล้วเสร็จสมบูรณ์ และได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก นำท่านถ่ายรูปหอคอยเบเล็ง (Belem Tower) เดิมสร้างไว้กลางน้ำเพื่อเป็นป้อมรักษาการณ์ดูแลการเดินเรือ เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินเรือออกไปสำรวจ และค้นพบโลกของ วาสโก ดากามา และนักเดินเรือชาวโปรตุเกส เป็นอีกหนึ่งสถาปัตยกรรมแบบมานูเอลไลน์ที่สวยงาม จากนั้นนำท่านบันทึกภาพกับ อนุสาวรีย์ดิสคัฟเวอรี่ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1960 เพื่อฉลองการครบ 500 ปี แห่งการสิ้นพระชนม์ของ เจ้าชายเฮนรี่ เดอะเนวิเกเตอร์

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร นำท่านเดินทางสู่สมควรแก่เวลาออกเดินทางสู่ เมืองบาดาโฮซ (Badajoz) เมืองหลวงของแคว้นเอ็กซ์ตร้ามาดูราทางตอนใต้ของสเปน เป็นเมืองใหญ่ที่สุดของแคว้น และมีความโดดเด่นในด้านสถาปัตยกรรมที่พวกมัวร์ทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลัง
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านสู่ที่พัก  ณ AC Badajoz by Marriot หรือระดับเดียวกัน 

วันที่ห้า มหาวิหารแห่งเซวิลญ่า-หอคอยฆีรัลดา-คอร์โดบา-มัสยิดเมซกีต้า (สเปน)
 เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเซวิลญ่า (Seville) ซึ่งตั้งอยู่ในแคว้นอันดาลูเซีย เป็นเมืองที่มีมรดกทางวัฒนธรรม เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความเขียวขจี สวนสาธารณะและสวนดอกไม้งานเทศกาลที่จัดขึ้นในเมืองเซบีญ่าได้รับการกล่าวขานมากที่สุด เนื่องจากเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวามากที่สุดในแคว้นอัลดาลูซีย เมืองนี้เคยอยู่ภายใต้การปกครองของแขกมัวร์มานานกว่า 800 ปี จึงได้รับอิทธิพลศิลปะแบบแขกมัวร์ค่อนข้างมาก นำท่านเข้าชม มหาวิหารแห่งเซวิลญ่า (seville cathedral) วิหารแห่งเมืองเซวิลญ่า มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ที่กรุงโรม และเซนต์ปอลที่ลอนดอน และใหญ่ที่สุดในสเปนสร้างด้วยศิลปะแบบโกธิค ภายในตกแต่งได้อย่างงามวิจิตร สร้างขึ้นแทนที่ตั้งของสุเหร่าเดิม โดยต้องการให้ยิ่งใหญ่แบบไม่มีใครเทียบเทียมได้ ในห้องเก็บทรัพย์สมบัติล้ำค่า มีทั้งภาพเขียน,เครื่องใช้ในพิธีของศาสนาที่ทำมาจากทองคำและเงินล้วนแต่ประเมินค่ามิได้ อีกทั้งยังเป็นที่เก็บศพของโคลัมบัสอีกด้วย นำท่านถ่ายรูป หอคอยฆีรัลดา (giralda)  ตึกทรงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสูง 93 เมตร (ไม่แนะนำสำหรับท่านที่สุขภาพไม่เอื้ออำนวย) ติดกันกับมหาวิหารเป็นลานส้มและน้ำพุเพื่อใช้ในพิธีชำระร่างกายของอิสลาม ด้านหน้าเป็นลานกว้างมีปราสาทอัลคาซาร์ สถาปัตยกรรมที่ยังคงมีคราบเงาความบรรเจิด และความคิดสร้างสรรค์ของชาวมัวร์ ในอดีตเคยเป็นพระราชวังของกษัตริย์สเปนมาก่อน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร นำท่านเดินทางสู่ เมืองคอร์โดบา (Cordoba) ครั้งหนึ่งเคยถูกครอบครองโดยชาวโรมันและชาวมัวร์จากอาหรับ เมืองคอร์โดบาตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดัลกีเบีย เป็นเมืองศูนย์กลางของวัฒนธรรมมุสลิมในประเทศสเปน องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้เมืองคอร์โดบาเป็นเมืองมรดกโลกของประเทศสเปน เมืองนี้เป็นเมืองในระบบกาหลิบที่มีความเจริญรุ่งเรืองที่สุดของยุโรปในสมัยศตวรรษที่ 10 มีการสร้างมหาวิทยาลัยเน้นการเรียนรู้ด้านวรรณกรรม, วิทยาศาสตร์ ปรัชญาและการแพทย์ นำท่านเข้าชม มัสยิดเมซกีต้า ที่มีขนาดใหญ่โตและออกแบบอย่างวิจิตรด้วยการใช้เสาหินจำนวนมากถึง 850 ต้น ต่อยอดเสาด้วยโครงสร้างคานโค้งแบบศิลปะโรมัน ผสมกับลวดลายแบบมัวริช ประดับด้วยเครื่องกระเบื้องเคลือบ อิฐ และหินฉลุลาย ทั่วทั้งอาคาร ด้านในสุดของมัสยิดจะสร้างมีหรับ อันเป็นเครื่องหมายแสดงทิศทางของเมืองเมกกะ ต่อมาเมื่อชาวคริสต์เข้ามายึดครองเมืองคอร์โดบา จึงได้มีการสร้างโบสถ์ขึ้นบริเวณกึ่งกลางของมัสยิด และสร้างหอระฆังสูง 93 เมตร ขึ้นในบริเวณสวนส้มและลานน้ำพุ
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านสู่ที่พัก  ณ Ayre Cordoba Hotel หรือระดับเดียวกัน

วันที่หก เมืองโทเลโด-มหาวิหารโทเลโด-กรุงมาดริด (สเปน)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นเดินทางสู่ เมืองโทเลโด (Toledo) อดีตเมืองหลวงเก่าของสเปนตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 13 เป็นเมืองแห่งศูนย์กลางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของสเปน ชื่อเมืองหมายถึงการผสมผสานของ 3 วัฒนธรรม คือ คริสเตียน, อิสลามและฮีบรู ตัวเมืองตั้งอยู่บนหน้าผาสูงเบื้องล่างล้อมรอบไปด้วย แม่น้ำตาโค (Tajo) ซึ่งเหมาะแก่การป้องกันการรุกรานจากข้าศึก นำท่านเที่ยวชมเมืองและข้ามสะพานแบบโรมันดั้งเดิม (ปูเอนเต เด อัลกานตารา) บนเนินเขาท่านจะเห็นกัสตีโย เด ซาน เซร์บานโด ป้อมปราการ ขนาดใหญ่ที่ชาวโรมันสร้างขึ้นเพื่อปกปักษ์รักษาเมือง นำท่านสู่เขตเมืองเก่า ผ่าน  ประตูเมืองปูเอร์ตาเดบิซากรา หนึ่งในประตูเมืองที่มีความสำคัญที่สุด นำท่านชมการผสมผสานของสถาปัตยกรรมอารบิค, มูเดฆาร์โกธิค เรเนสซองส์

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านถ่ายรูปด้านหน้า  มหาวิหารโทเลโด (Toledo Cathedral) สถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่ยิ่งใหญ่สวยงามแห่งหนึ่งของโลกใช้เวลาสร้างยาวนาน แต่เดิมชาวมุสลิมใช้เป็นสุเหร่า ต่อมาได้ก่อสร้างรูปทรงแบบโกธิคในปี 1226 และเพิ่มศิลปะแบบมูเดฆาร์ บาร็อค และนีโอคลาสสิค จนแล้วเสร็จสมบูรณ์ในอีก 300 ปีถัดมา ภายในมีการตกแต่งอย่างงดงามวิจิตรด้วยไม้แกะสลักและภาพสลักหินอ่อน มุมด้านในเป็นอัลคาซาร์ ผลงานของสถาปนิกระดับสุดยอดในสมัยศตวรรษที่ 16 จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปบริเวณจุดชมวิวเพื่อชมทิวทัศน์ของเมืองโทเลโด ซึ่งเป็นทิวทัศน์ที่จิตรกรชื่อดังของสเปน เอล เกรโก (Ei Greco) ได้เคยจำลองลงบนแผ่นภาพอย่างสวยงาม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ กรุงมาดริด เมืองหลวงของประเทศสเปน ตั้งอยู่ใจกลางแหลมไอบีเรียน ในระดับความสูง 650 เมตร เป็นมหานครอันทันสมัยล้ำยุคที่กษัตริย์ฟิลลิปที่ 2 ได้ทรงย้ายที่ประทับจากเมืองโทเลโดมาที่นี่และประกาศให้มาดริดเป็นเมืองหลวงใหม่ ยกเว้นในช่วงประมาณปี ค.ศ. 1601-1607 เมื่อพระเจ้าฟิลลิปที่ 3 ได้ย้ายเมืองหลวงไปที่เมืองวัลลาโดลิด มาดริดได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก และสูงสุดแห่งหนึ่งในยุโรป
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านสู่ที่พัก  ณ Axor Feria Hotel หรือระดับเดียวกัน

วันที่เจ็ด เมืองโทเลโด-มหาวิหารโทเลโด-กรุงมาดริด (สเปน)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นเดินทางสู่ เมืองโทเลโด (Toledo) อดีตเมืองหลวงเก่าของสเปนตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 13 เป็นเมืองแห่งศูนย์กลางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของสเปน ชื่อเมืองหมายถึงการผสมผสานของ 3 วัฒนธรรม คือ คริสเตียน, อิสลามและฮีบรู ตัวเมืองตั้งอยู่บนหน้าผาสูงเบื้องล่างล้อมรอบไปด้วย    แม่น้ำตาโค (Tajo) ซึ่งเหมาะแก่การป้องกันการรุกรานจากข้าศึก นำท่านเที่ยวชมเมืองและข้ามสะพานแบบโรมันดั้งเดิม (ปูเอนเต เด อัลกานตารา) บนเนินเขาท่านจะเห็นกัสตีโย เด ซาน เซร์บานโด ป้อมปราการ ขนาดใหญ่ที่ชาวโรมันสร้างขึ้นเพื่อปกปักษ์รักษาเมือง นำท่านสู่เขตเมืองเก่า ผ่าน  ประตูเมืองปูเอร์ตาเดบิซากรา หนึ่งในประตูเมืองที่มีความสำคัญที่สุด นำท่านชมการผสมผสานของสถาปัตยกรรมอารบิค, มูเดฆาร์โกธิค เรเนสซองส์

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านถ่ายรูปด้านหน้า  มหาวิหารโทเลโด (Toledo Cathedral) สถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่ยิ่งใหญ่สวยงามแห่งหนึ่งของโลกใช้เวลาสร้างยาวนาน แต่เดิมชาวมุสลิมใช้เป็นสุเหร่า ต่อมาได้ก่อสร้างรูปทรงแบบโกธิคในปี 1226 และเพิ่มศิลปะแบบมูเดฆาร์ บาร็อค และนีโอคลาสสิค จนแล้วเสร็จสมบูรณ์ในอีก 300 ปีถัดมา ภายในมีการตกแต่งอย่างงดงามวิจิตรด้วยไม้แกะสลักและภาพสลักหินอ่อน มุมด้านในเป็นอัลคาซาร์ ผลงานของสถาปนิกระดับสุดยอดในสมัยศตวรรษที่ 16 จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปบริเวณจุดชมวิวเพื่อชมทิวทัศน์ของเมืองโทเลโด ซึ่งเป็นทิวทัศน์ที่จิตรกรชื่อดังของสเปน เอล เกรโก (Ei Greco) ได้เคยจำลองลงบนแผ่นภาพอย่างสวยงาม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ กรุงมาดริด เมืองหลวงของประเทศสเปน ตั้งอยู่ใจกลางแหลมไอบีเรียน ในระดับความสูง 650 เมตร เป็นมหานครอันทันสมัยล้ำยุคที่กษัตริย์ฟิลลิปที่ 2 ได้ทรงย้ายที่ประทับจากเมืองโทเลโดมาที่นี่และประกาศให้มาดริดเป็นเมืองหลวงใหม่ ยกเว้นในช่วงประมาณปี ค.ศ. 1601-1607 เมื่อพระเจ้าฟิลลิปที่ 3 ได้ย้ายเมืองหลวงไปที่เมืองวัลลาโดลิด มาดริดได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก และสูงสุดแห่งหนึ่งในยุโรป
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านสู่ที่พัก  ณ Axor Feria Hotel หรือระดับเดียวกัน

 

วันที่แปด มหาวิหารแม่พระแห่งเสาศักดิ์สิทธิ์-เขามองเซอร์รัต-เมืองบาร์เซโลน่า (สเปน)
 เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านชมด้านหน้า มหาวิหารแม่พระแห่งเสาศักดิ์สิทธิ์ (Basilica of our Lady of The Pillar)หรือที่รู้จักในนาม ซานตา มเรีย เดอร์ฟิลลาร์ ตามตำนานสมัยแรกเริ่มของพระศาสนจักรกล่าวไว้ว่า นักบุญยาค็อบองค์ใหญ่อัครสาวก เป็นผู้นิพนธ์พระวรสารที่ซีซาเรากุสต้า งานเผยแพร่ธรรมของท่านไม่ได้เกิดผลมากมายนักจนกระทั่งท่านเห็นพระนางมารีมาปรากฏเพื่อชักชวนท่านไปยัง กรุงเยลูซาเล็ม (Jerusalem)ในนิมิตนั้นพระนางปรากฎอยู่บนเสาที่ถูกแบกมาโดยหมู่เทพนิกร และเชื่อกันว่าเป็นเสาศักดิ์สิทธิ์ต้นเดียวกับที่เป็นที่เคารพนับถือกันในเมืองซาราโกซ่า (Zaragoza) มีรายงานว่าคริสต์ศาสนิกชนนิยมมากราบไหว้ ขอพรจากพระแม่มารีให้หายจากอาการเจ็บป่วย ณ ที่แห่งนี้เป็นจำนวนมาก

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เขามองเซอร์รัต  ที่สูงถึง 1,236 เมตรจากน้ำทะเล ภูเขามองเซอร์รัต มีลักษณะรูปทรงเป็นหินตะปุ่มตะป่ำแปลกประหลาด ว่ากันว่าบริเวณนี้เดิมเคยเป็นทะเลมาก่อนเพราะยังมีซากเศษหอยอยู่ทั่วไป หินรูปทรงประหลาดของยอดเขาก็คาดว่าเกิดจากแรงดันตามธรรมชาตินับล้านปีมาแล้ว อาณาบริเวณที่ตั้งของวิหารมองเซอร์รัตซึ่งซ่อนตัวอยู่บนยอดเขาได้อย่างตระการตานั้น มีพื้นที่กว้างขวางจนทำให้น่าสงสัยว่าเขานำวัสดุก่อสร้างมากมายขึ้นมาสร้างบนเขาที่สูงขนาดนี้ได้อย่างไรภัตตาคาร นำท่านเดินทางสู่ เมืองบาร์เซโลน่า เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศสเปน ทั้งในด้านขนาดและประชากร ตั้งอยู่บนฝั่งของแหลมไอบีเรียชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนีย เป็นเมืองสำคัญที่สุดของแคว้นคาตาลุนญ่า
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร หลังอาหารนำท่านชม การแสดงระบำฟลาเมงโก้ การแสดงชื่อดังซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่สืบทอดต่อกันมาและเป็นการแสดงที่มีชื่อเสียงของประเทศสเปน สมควรแก่เวลานำท่านสู่ที่พัก  ณ Front Air Congress Hotel หรือระดับเดียวกัน

วันที่เก้า สนามคัมป์นู-ยอดเขามองต์จูอิค-ซากราดาฟามีเลีย-La Rocca Village-สนามบิน (สเปน-ยูเออี)
 เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านถ่ายรูปหน้าสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาที่มี ชื่อว่า คัมป์นู ตั้งอยู่ที่เมืองบาร์เซโลนา แคว้นกาตาลุนญาประเทศสเปน เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ค.ศ. 1954 อิสระช้อปปิ้งร้านขายของประจำสโมสร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่จุดชมวิวบริเวณ  ยอดเขามองต์จูอิค ซึ่งสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของตัวเมืองบาเซโลน่าได้อย่างสวยงาม จากนั้นนำท่านถ่ายรูปด้านหน้า ซากราดาฟามีเลีย  เป็นสถาปัตยกรรมประจำเมืองบาร์เซโลนาในประเทศสเปนที่ออกแบบโดยอันตอนี เกาดี สถาปนิกชาวคาตาลัน เป็นผลงานที่เรียกว่า โมเดิร์นนิสโม เป็นงานศิลปะเฉพาะถิ่นและเป็นอาร์ตนูโวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โบสถ์แห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.2425 จนกระทั่งทุกวันนี้ก็ยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารนำท่านเดินทางสู่ La Rocca Village แหล่งช้อปปิ้งที่รวมร้านค้าแบรนด์เนมชื่อดังมากมาย สัมผัสประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ครบครันด้วยสินค้าชั้นนำต่างๆ มากมาย เช่น Armani, Burberry, Calvin Klein, Coach, Escada, Gucci, Guess, Hugo Boss, Kipling, L’Occitane, Levi’s, Lacoste, Loewe, Michael Kors, Nike, Polo และอื่นๆอีกมากมาย ถึงเวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่สนามบิน
22.40 น.  ออกเดินทางสู่ เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK188
(บริการอาหารและ เครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

 

วันที่สิบ ดูไบ-กรุงเทพฯ (ยูเออี-ไทย)
07.35 น. ถึง สนามบินเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะเปลี่ยนเครื่อง  
09.40 น. เดินทางสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK372  
(บริการอาหารและ เครื่องดื่มบนเครื่องบิน)
 19.15 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ  โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ 


 

porto-main.jpg
Lisbon Cityscape.jpg
Torre-de-Belem---Lisbon.png
seville cathedral.jpg
Toledo1.jpg
Sagrada Familia.jpg
Toledo.jpg
48312867_371416313417343_179452729006384

9

10

bottom of page