top of page

วันแรก กรุงเทพฯ (ไทย)
18.00น. คณะเดินทางพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิอาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4ประตู 9แถว T สายการ

บินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ (EK) เจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวก
21.25น. ออกเดินทางสู่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK373 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

วันที่สอง ดูไบ-มิลาน-แองเกิลเบิร์ก-ยอดเขาทิตลิส (ดูไบ-อิตาลี-สวิสฯ)
00.50 น. เดินทางถึงเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะเปลี่ยนเครื่อง
03.35 น. ออกเดินทางสู่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK101
(บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)
08.15 น. เดินทางถึง เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี หลังผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและสัมภาระแล้ว นำท่านเดินทางสู่เมืองแองเกิลเบิร์ก ของสมาพันธรัฐสวิสระหว่างชมทิวทัศน์สองข้างทางและสัมผัสความสวยงามของธรรมชาติแห่งสวิสเซอร์แลนด์ เมืองแองเกิลเบิร์ก เป็นอีกหนึ่งเมืองรีสอร์ทชั้นนำของสวิตเซอร์แลนด์ โดยตัวเมืองนั้นตั้งอยู่บนเนินเขาใกล้ๆกับ"ภูเขาทิตลิส" (Mount Titlis) ภูเขาที่มียอดสูงจากระดับน้ำทะเลหนึ่งกว่า 10,000 ฟุต หรือ 3,020 เมตร ปัจจุบันเมืองแองเกิลเบิร์กได้กลายเป็นอีกหนึ่งอัลไพน์รีสอร์ทที่ใหญ่ที่สุดในภาคกลางของสวิตเซอร์แลนด์ นอกจากนี้แล้วเมืองยังเป็นเสมือนแม่เหล็กที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนได้ทั้งในช่วงฤดูร้อนทั้งสองและฤดู​​หนาว โดยเมืองใหญ่ๆที่อยู่ใกล้เมืองนี้คือเมืองลูเซิร์นและเมืองซูริค สำหรับบรรยากาศภายในเมืองนั้นค่อนข้างเงียบสงบ โดยในช่วงฤดู​​ร้อนจะมีกิจกรรมท่องเที่ยวสำคัญๆได้แก่ การเดินทางไกล, ขี่ม้า และขี่จักรยานภูเขา ส่วนในช่วงฤดูหนาวจะเป็นการเล่นสกี การลากเลื่อนหิมะ และอื่นๆ

เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจากนั้นนำท่านสู่ยอดเขาทิตลิส (TITLIS) แหล่งเล่นสกีของสวิตเซอร์แลนด์ภาคกลาง ที่หิมะคลุมตลอดทั้งปีสูงถึง 10,000 ฟิต หรือ 3,020 เมตร บนยอดเขาแห่งนี้หิมะจะไม่ละลายตลอดทั้งปี นั่งกระเช้ายักษ์ที่หมุนได้รอบทิศเครื่องแรกของโลกที่ชื่อว่า REVOLVING ROTAIRจนถึงสถานีบนยอดเขาทิตลิสหลังจากนั้นให้ท่านได้สนุกกับกิจกรรมบนยอดเขาแห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นการ ชมถ้ำน้ำแข็งซึ่งเป็นถ้ำที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ ภายในเป็นผนังน้ำแข็งพร้อมมีคำอธิยายเป็นจุด ๆ หรือสามารถเดินไปยัง TITLIS CLIFF WALKสะพานแขวนบนยอดเขาที่สูงที่สุดในยุโรปรวมถึงการเลือกซื้อสินค้าที่ ร้านขายของที่ระลึกและ ลานหิมะซึ่งเป็นชั้นบนสุดซึ่งจะเป็นชั้นที่ท่าสามารถเดินย่ำหิมะออกไปยังลานกว้างซึ่งเป็นจุดชมวิวบนยอดเขา ถึงเวลาอันสมควรนำท่านเดินทางกลับลงจากยอดเขาสู่เมืองแองเกิลเบิร์ก
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณTerrace Hotel หรือระดับเดียวกัน

วันที่สาม ลูเซิร์น-สะพานไม้ชาเปล-รูปแกะสลักสิงโตบนหน้าผาหิน-เมืองเซนต์กัลเลน (สวิสฯ)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองลูเซิร์น  อดีตหัวเมืองโบราณของสวิสเซอร์แลนด์ เป็นดินแดนที่ได้รับสมญานามว่า หลังคาแห่งทวีปยุโรป (The roof of Europe) เพราะนอกจากจะมีเทือกเขาสูงเสียดฟ้าอย่างเทือกเขาแอลป์แล้ว ก็ยังมีภูเขาใหญ่น้อยสลับกับป่าไม้ที่แทรกตัวอยู่ตามเนินเขาและไหล่เขา สลับแซมด้วยดงดอกไม้ป่าและทุ่งหญ้าอันเขียวชอุ่มนำท่านชมและแวะถ่ายรูปกับสะพานไม้ชาเปล หรือสะพานวิหาร (Chapel bridge) ซึ่งข้ามแม่น้ำรอยซ์ เป็นสะพานไม้ที่เก่าแก่ ที่สุดในโลก มีอายุหลายร้อยปี เป็นสัญลักษณ์และประวัติศาสตร์ของเมืองลูเซิร์นเลยทีเดียว สะพานวิหารนี้เป็นสะพานที่แข็งแรงมากมุงหลังคาแบบโบราณ เชื่อมต่อไปยังป้อมแปดเหลี่ยมกลางน้ำ จั่วแต่ละช่องของสะพานจะมีภาพเขียนเรื่องราวประวัติความเป็นมาของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นภาพเขียนเก่าแก่อายุกว่า 400 ปี แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบันสะพานไม้นี้ถูกไฟไหม้เสียหายไปมาก ต้องบูรณะสร้างขึ้นใหม่เกือบหมด นำท่านชมรูปแกะสลักสิงโตบนหน้าผาหิน เป็นอนุสาวรีย์ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่หัวของสิงโตจะมีโล่ห์ ซึ่งมีกากบาทสัญลักษณ์ของสวิตเซอร์แลนด์อยู่ โดยสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารสวิสฯในด้านความกล้าหาญ ซื่อสัตย์ จงรักภักดี ที่เสียชีวิตในประเทศฝรั่งเศส ระหว่างการต่อสู้ป้องกันพระราชวังในครั้งปฏิวัติใหญ่สมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16

เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่จากนั้นเดินทางสู่เมืองเซนต์กัลเลน (St. Gallen)เป็นเมืองทางตอนเหนือของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่ได้รับชื่อมาจากนักบุญ Gallus ที่เข้ามาเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในชุมชนเล็กๆเมื่อศตวรรษที่ 7 แต่ปัจจุบันนี้กลายเป็นศูนย์กลางวงการแฟชั่นเสื้อผ้าของสวิสเซอร์แลนด์ นำท่านชมเขตเมืองเก่า อาคารบ้านเรือนสมัยเก่าเป็นแบบเฉพาะของสไตล์บาร็อค เป็นแบบเฉพาะของสไตล์บาร็อคจากนั้นนำท่านถ่ายรูปมหาวิหารเซนต์กัลเลน และ ห้องสมุดแอบบีย์ห้องสมุดที่เก่าแก่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์และเป็นห้องสมุดทางศาสนาคริสต์ที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกจากนั้นให้ท่านได้เดินเลือกซื้อสินค้าต่างๆมากมายบนถนน Spisergasseเป็นอีกหนึ่งถนนที่มีอาคาร บ้านเรือนสไตล์บาร็อคสวยงามตลอดเส้นทาง
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พักณ Radisson Blu Hotel St. Gallen หรือระดับเดียวกัน

วันที่สี่ เมืองคูร์-BERNINA EXPRESS-เซนต์มอริตส์-โคโม่ (สวิสฯ-อิตาลี)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมจากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองคูร์ (Chur) เมืองเก่าริมแม่น้ำไรน์ เมืองนี้เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 5,000 ปี ถือเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในสวิตฯ ถึงจะเป็นเมืองเก่าแก่แต่ก็ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี มีเสน่ห์ในสไตล์เมืองเก่า ทุกอย่างภายในเมืองไม่ว่าจะเป็นลักษณะอาคาร ลวดลายต่างๆในเมือง 

เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจากนั้นนำท่านเดินทางโดยรถไฟ BERNINA EXPRESSหนึ่งในเส้นทางของรถไฟGlacier Expressซึ่งเป็นรถไฟด่วนที่ช้าที่สุดเพื่อให้ท่านสัมผัสบรรยากาศเส้นทางรถไฟที่เก่าแก่และสวยงาม เป็นเส้นทางมีชื่อเสียงมากที่สุดของ Switzerland ที่ตู้โดยสารเป็นแบบ panoramic ให้ได้ชื่นชมทิวทัศน์สองข้างทางที่สวยงามราวกับสรวงสวรรค์ โดยจุดหมายปลายทางของจะอยู่ที่เมืองเซนต์มอริตส์ (St. Moritz) เป็นเมืองรีสอร์ทหรูในหุบเขาของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งอยู่บนส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอลป์ในระดับความสูงที่ 1775 ม. เหนือน้ำทะเล ซึ่งทางตะวันออกของเทือกเขามียอดภูเขา Piz Bernina ตระหง่านสูงที่สุด ที่ระดับ 4049 ม. อยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศใต้เพียงไม่กี่กิโลเมตร เซนต์มอริตส์ แบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ส่วนที่อยู่บนเขา และส่วนที่ราบโดยมีทะเลสาบขั้นอยู่ตรงกลางหลังจากนั้นนำท่านเดินทางโดยรถโค้ชสู่ เมืองโคโม เป็นเมืองในแคว้นลอมบาร์เดีย ตั้งอยู่บริเวณพรมแดนกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โคโมเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในเทือกเขาแอลป์ ทิศเหนือของเมืองอยู่ติดกับทะเลสาบโคโม โคโมเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่ง เป็นแหล่งรวมชิ้นงานศิลปะชื่อดัง, มีโบสถ์, พิพิธภัณฑ์, สวน, โรงละคร, วังเก่าอยู่มากมาย โดยในปี 2013 โกโมมีจำนวนผู้มาพำนักค้างคืนถึง 215,000 คน ถือเป็นเมืองที่มีผู้มาเยือนมากที่สุดเป็นอันดับสี่ของแคว้นลอมบาร์เดียรองจากมิลาน, แบร์กาโม และเบรชชา
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ Just Hotel Lomazzo Fieraหรือระดับเดียวกัน

วันที่ห้า โคโม่-ทะเลสาบโคโม่-มิลาน-มหาวิหารแห่งเมืองมิลาน (อิตาลี)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นอิสระให้ท่านได้เดินเล่นบริเวณทะเลสาบโคโม (Lago di Como) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่สวยงามที่สุดของอิตาลี ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองโคโม ในแคว้นลอมบาร์เดีย ทางเหนือของประเทศอิตาลี บริเวณเชิงเทือกเขาแอลป์ ทะเลสาบโคโมล้อมรอบด้วยภูเขาสูงที่ยังมีป่าไม้เขียวชะอุ่ม หลายจุดบนชายฝั่งเป็นช่องเขาแคบและหน้าผาที่สวยงาม ทางเหนือของทะเลสาบคือเทือกเขาแอลป์ยาวเหยียดสุดสายตาเป็นกำแพงธรรมชาติที่สร้างฉากหลังอันงดงามอลังการให้กับดินแดนบริเวณนี้ เทือกเขาแอลป์นั้นมีหิมะปกคลุมอยู่ตลอดปี จึงทำให้สามารถเล่นสกีหิมะได้ตลอดเวลา นี่คือจุดดึงดูงให้ผู้คนจากทั่วโลกหลั่งไหลมาท่องเที่ยวพักผ่อนกันอย่างไม่ขาดสายหลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ กรุงมิลาน (MILAN) เมืองสำคัญทาง ภาคเหนือของอิตาลี ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลอมบาร์ดี ชื่อเมืองมิลานมาจากภาษาเซลต์คำว่า MID-LAN ซึ่งหมายถึงอยู่กลางที่ราบ มีชื่อเสียงในด้านแฟชั่นและศิลปะ

เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ปิอาซซ่า เดล ดูโอโม่ (Piazza Del Duomo) ซึ่งเป็นที่ตั้งของ มหาวิหารแห่งเมืองมิลาน หรือที่เรียกว่าดูโอโม่ (DUOMO)ชื่อนี้ไว้ใช้เรียกมหาวิหารประจำเมือง สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1386 แล้วเสร็จ 400 กว่าปีหลังจากนั้น ด้านนอกเป็นยอดแหลม 135 ยอด จึงมีชื่อเรียกว่า "มหาวิหารเม่น" มีรูปสลักหินอ่อนจากยุคต่างๆ ประดับอยู่กว่าสามพันรูป บนยอดของมหาวิหารมีรูปปั้นทองขนาด 4 เมตร ของพระแม่มาดอนน่า และบริเวณนั้นยังเป็นศูนย์กลางแหล่งชุมนุมของผู้คนมาทุกยุคสมัย อิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปตามอัธยาศัยและช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม ซึ่งมีจำหน่ายมากมายในบริเวณ กัลเลเรีย วิตโตรีโอ เอมานูเอล หรือจะเลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองตามอัธยาศัย
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ Klima Hotel Milano Fiereหรือระดับเดียวกัน

วันที่หก มิลาน-เจนัว-McArthurGlen Outlet-สนามบิน-ดูไบ (อิตาลี – ยูเออี)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองเจนัว เมืองใหญ่สุดของ อิตาลีทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือ อาจเป็นจุดแรกที่จุดประกายความหวังและจิตนาการของโคลัมบัสที่จะก้าวผ่านผืนน้ำกว้างใหญ่ไปยังโลกที่เขาใฝ่ฝัน นำท่านถ่ายรูปบริเวณอ่าวเจนัว อันเป็นท่าเทียบเรือสาราญ เรือยอชท์หรู เรือใบสีขาวละลานตา และยังคงมีเรือโบราณจาลองขนาดยักษ์ ดูปืนไฟ สลักเสลาด้วยรูปปั้นอันวิจิตรคล้ายย้ำเตือนให้ระลึกถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของชาวเมืองเจนัวคน นำท่านถ่ายรูปด้านหน้า

มหาวิหารซานลอเรนโซ หรือ ดูโอโม่ที่สร้างขึ้นในแบบโรมันเนสค์และโกธิค ในสมัยศตวรรษที่ 12-14 และน้ำพุ กลางเมือง นำท่านเยี่ยมชม เปียซซ่า เฟร์ รารี่ ซึ่งสถานที่แห่งนี้เคยเป็นบริเวณที่โคลัมบัสเคยอาศัยอยู่เมื่อครั้งตอนเด็กๆ อิสระให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าของที่ระลึกตามอัธยาศัยจากนั้นนำท่านเดินทางสู่Serravalle Designer Outletเป็นสถานที่ที่รวมสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนมจากหลากหลายเมืองและจากดีไซเนอร์ชั้นนำระดับแถวหน้าของอิตาลี มีร้านค้าแฟชั่นและสินค้าต่างๆกว่า 180 ร้าน ทั้ง Versace, Dolce & Gabbana, Prada, Roberto Cavalli, Bulgari, Trussardi, Calvin Klein ,Diesel,Camper,Furla, Moschino, Bulgari, Bose, และอื่นๆ โดยสินค้าแฟชั่นจะลดราคาตั้งแต่ 30% - 70% ตลอดทั้งปีอิสระอาหารกลางวันเพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยวสมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่สนามบิน
22.00 น. ออกเดินทางสู่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ EK092(บริการอาหารและ เครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

วันที่เจ็ด ดูไบ-กรุงเทพฯ (ยูเออี-ไทย)
06.25 น. เดินทางถึงเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะเปลี่ยนเครื่อง
09.40 น. ออกเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ EK 372

(บริการอาหารและ เครื่องดื่มบนเครื่องบิน)
19.15 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ  โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ 

วันแรก กรุงเทพฯ (ไทย)
17.00น. คณะเดินทางพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิอาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4   ประตู 9 แถว T สายการบินเอมิเรตส์ (EK) เจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวก
21.25น. ออกเดินทางสู่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK373 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

วันที่สอง    ดูไบ-มิลาน-เมืองซุก-แองเกิลเบิร์ก (ดูไบ-อิตาลี-สวิสฯ)
00.50 น. เดินทางถึงเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะเปลี่ยนเครื่อง
03.35น. ออกเดินทางสู่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK101 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)
08.15น. เดินทางถึง เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี หลังผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและสัมภาระแล้ว จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองซุก เมืองที่สวยงามราวกับเทพนิยาย ตั้งอยู่ทางภาคกลางตอนบนของประเทศโดยนอกจากความสวยงามของทัศนียภาพแล้วเมืองนี้จึงถือเป็นที่ตากอากาศที่นิยมของเหล่าเศรษฐี คนดังสำคัญระดับโลก และเคยเป็นเขตปกครองที่มีรายได้เฉลี่ยน้อยที่สุดแต่ปัจจุบันคือเมืองที่รวยที่สุดของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีเขตเมืองเก่าที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ศตวรรษที่13 อาคารบ้านเรือนยังคงสภาพดั้งเดิมไว้อย่างสวยงามอีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีวิวทะเลสาปที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ อิสระอาหารกลางวันเพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยว

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองแองเกิลเบิร์ก ของสมาพันธรัฐสวิสระหว่างชมทิวทัศน์สองข้างทางและสัมผัสความสวยงามของธรรมชาติแห่งสวิสเซอร์แลนด์ เมืองแองเกิลเบิร์ก เป็นอีกหนึ่งเมืองรีสอร์ทชั้นนำของสวิตเซอร์แลนด์ โดยตัวเมืองนั้นตั้งอยู่บนเนินเขาใกล้ๆกับ"ภูเขาทิตลิส" (Mount Titlis) ภูเขาที่มียอดสูงจากระดับน้ำทะเลหนึ่งกว่า 10,000 ฟุต หรือ 3,020 เมตร ปัจจุบันเมืองแองเกิลเบิร์กได้กลายเป็นอีกหนึ่งอัลไพน์   รีสอร์ทที่ใหญ่ที่สุดในภาคกลางของสวิตเซอร์แลนด์ นอกจากนี้แล้วเมืองยังเป็นเสมือนแม่เหล็กที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนได้ทั้งในช่วงฤดูร้อนทั้งสองและฤดู​​หนาว โดยเมืองใหญ่ๆที่อยู่ใกล้เมืองนี้คือเมืองลูเซิร์นและเมืองซูริค สำหรับบรรยากาศภายในเมืองนั้นค่อนข้างเงียบสงบ โดยในช่วงฤดู​​ร้อนจะมีกิจกรรมท่องเที่ยวสำคัญๆได้แก่ การเดินทางไกล, ขี่ม้า และขี่จักรยานภูเขา ส่วนในช่วงฤดูหนาวจะเป็นการเล่นสกี การลากเลื่อนหิมะ และอื่นๆ 
ค่ำ    บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ Terrace  Hotel หรือระดับเดียวกัน

วันที่สาม ยอดเขาสแตนเซอร์ฮอร์น-ลูเซิร์น-สะพานไม้ชาเปล-รูปแกะสลักสิงโตบนหน้าผาหิน (สวิสฯ)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมจากนั้นนำท่านสู่ยอดเขาสแตนเซอร์ฮอร์น (Mt.Stanserhorn) มีความสูงที่ 1,898 เมตร(6,227 ฟุต) ระหว่างทางคุณจะได้ชมวิวแบบพาโนราม่าและให้ท่านได้สัมผัสการเดินทางโดยขึ้นกระเช้า “Cabrio” กระเช้าลอยฟ้าเปิดประทุนที่มี 2 ชั้นแห่งแรกของโลกและสามารถจุผู้โดยสารได้เกือบ 60 ท่าน โดยชั้นดาดฟ้าจะสามารถจุได้ 30 ท่าน ระยะเกือบ 2 กิโลเมตร ระหว่างทางขึ้นสู่ยอดเขาท่านจะสามารถมองเห็นวิวแบบ 360 องศา  อิสระอาหารกลางวันเพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยว นำท่านเดินทางสู่ เมืองลูเซิร์น  อดีตหัวเมืองโบราณของสวิสเซอร์แลนด์ เป็นดินแดนที่ได้รับสมญานามว่า หลังคาแห่งทวีปยุโรป (The roof of Europe) เพราะนอกจากจะมีเทือกเขาสูงเสียดฟ้าอย่างเทือกเขาแอลป์แล้ว ก็ยังมีภูเขาใหญ่น้อยสลับกับป่าไม้ที่แทรกตัวอยู่ตามเนินเขาและไหล่เขา สลับแซมด้วยดงดอกไม้ป่าและทุ่งหญ้าอันเขียวชอุ่มนำท่านชมและแวะถ่ายรูปกับสะพานไม้ชาเปล

หรือสะพานวิหาร (Chapel bridge) ซึ่งข้ามแม่น้ำรอยซ์ เป็นสะพานไม้ที่เก่าแก่ ที่สุดในโลก มีอายุหลายร้อยปี เป็นสัญลักษณ์และประวัติศาสตร์ของเมืองลูเซิร์นเลยทีเดียว สะพานวิหารนี้เป็นสะพานที่แข็งแรงมากมุงหลังคาแบบโบราณ เชื่อมต่อไปยังป้อมแปดเหลี่ยมกลางน้ำ จั่วแต่ละช่องของสะพานจะมีภาพเขียนเรื่องราวประวัติความเป็นมาของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นภาพเขียนเก่าแก่อายุกว่า 400 ปี แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบันสะพานไม้นี้ถูกไฟไหม้เสียหายไปมาก ต้องบูรณะสร้างขึ้นใหม่เกือบหมด นำท่านชมรูปแกะสลักสิงโตบนหน้าผาหิน เป็นอนุสาวรีย์ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่หัวของสิงโตจะมีโล่ห์ ซึ่งมีกากบาทสัญลักษณ์ของสวิตเซอร์แลนด์อยู่ โดยสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารสวิสฯในด้านความกล้าหาญ ซื่อสัตย์ จงรักภักดี ที่เสียชีวิตในประเทศฝรั่งเศส ระหว่างการต่อสู้ป้องกันพระราชวังในครั้งปฏิวัติใหญ่สมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 หลังจากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่เมืองแองเกิลเบิร์ก
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ Terrace  Hotel หรือระดับเดียวกัน

วันที่สี่ ยอดเขาทิตลิส-เมืองโคโม-กรุงมิลาน (สวิสฯ-อิตาลี)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านสู่ยอดเขาทิตลิส (TITLIS) แหล่งเล่นสกีของสวิตเซอร์แลนด์ภาคกลาง ที่หิมะคลุมตลอดทั้งปีสูงถึง 10,000 ฟิต หรือ 3,020 เมตร บนยอดเขาแห่งนี้หิมะจะไม่ละลายตลอดทั้งปี นั่งกระเช้ายักษ์ที่หมุนได้รอบทิศเครื่องแรกของโลกที่ชื่อว่า REVOLVING ROTAIRจนถึงสถานีบนยอดเขาทิตลิสหลังจากนั้นให้ท่านได้สนุกกับกิจกรรมบนยอดเขาแห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นการ ชมถ้ำน้ำแข็งซึ่งเป็นถ้ำที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ ภายในเป็นผนังน้ำแข็งพร้อมมีคำอธิยายเป็นจุด ๆ หรือสามารถเดินไปยัง TITLIS CLIFF WALKสะพานแขวนบนยอดเขาที่สูงที่สุดในยุโรปรวมถึงการเลือกซื้อสินค้าที่ ร้านขายของที่ระลึกและ ลานหิมะซึ่งเป็นชั้นบนสุดซึ่งจะเป็นชั้นที่ท่าสามารถเดินย่ำหิมะออกไปยังลานกว้างซึ่งเป็นจุดชมวิวบนยอดเขา ถึงเวลาอันสมควรนำท่านเดินทางกลับลงจากยอดเขาสู่เมืองแองเกิลเบิร์ก (สำหรับท่านที่เดินทางในพีเรียดวันที่ 13-19 พฤศจิกายน 2562 ขอสงวนสิทธ์ในการเปลี่ยนแปลงโปรแกรมจากขึ้นยอดเขาทิตลิสเป็นขึ้นยอดเขาชิลธอร์น เนื่องจาก ยอดเขาทิตลิสปิดในวันที่ 4-15

พฤศจิกายน 2562) อิสระอาหารกลางวันเพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยวหลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองโคโม เป็นเมืองในแคว้นลอมบาร์เดีย ตั้งอยู่บริเวณพรมแดนกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โคโมเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในเทือกเขาแอลป์ ทิศเหนือของเมืองอยู่ติดกับทะเลสาบโคโม โคโมเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่ง เป็นแหล่งรวมชิ้นงานศิลปะชื่อดัง, มีโบสถ์, พิพิธภัณฑ์, สวน, โรงละคร, วังเก่าอยู่มากมาย โดยในปี 2013 โกโมมีจำนวนผู้มาพำนักค้างคืนถึง 215,000 คน ถือเป็นเมืองที่มีผู้มาเยือนมากที่สุดเป็นอันดับสี่ของแคว้นลอมบาร์เดียรองจากมิลาน, แบร์กาโม และเบรชชา หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่กรุงมิลาน (MILAN) เมืองสำคัญทาง ภาคเหนือของอิตาลี ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลอมบาร์ดี ชื่อเมืองมิลานมาจากภาษาเซลต์คำว่า MID-LAN ซึ่งหมายถึงอยู่กลางที่ราบ มีชื่อเสียงในด้านแฟชั่นและศิลปะ
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พักณ Grand Hotel Milano Malpensa หรือระดับเดียวกัน

วันที่ห้า เมืองเวโรนา -เวโรนาอารีน่า-จัตุรัสใจกลางเมือง-เมืองซีร์มิโอเน่ -ทะเลสาบการ์ดา-มิลาน (อิตาลี)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเวโรนา (VERONA) เมืองเล็กๆ ในแคว้นเวเนโต ประเทศอิตาลี ได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยองค์กรยูเนสโก และยังได้รับสมญานามว่า “LITTLE ROMAN” เพราะยังคงสภาพสถาปัตยกรรมจากสมัยโรมันไว้อย่างสมบูรณ์ ปัจจุบันเมืองเวโรนาสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางศิลปะ และวัฒนธรรมเก่าแก่ที่ยังมีให้เห็นในงานนิทรรศการประจำปี โรงละคร และโอเปร่าในโรงละครกลางแจ้งที่มีมาแต่โบราณ ทำให้เมืองนี้เป็นต้นกำเนิดผลงานปลายปากกาของวิลเลียม เชกสเปียร์ โดยเฉพาะตำนานรักอมตะของโรมิโอจูเลียต ที่คุณจะได้สัมผัสกลิ่นอายของความรักตลบอบอวลไปทั้งเมือง นำท่านถ่ายภาพด้านหน้า เวโรนาอารีน่า (VERONA ARENA) โรงละครกลางแจ้งแบบโรมันเป็นสถาปัตยกรรมศิลปะโรมันโบราณอายุกว่า 2,000 ปี สามารถจุคนได้กว่า 15,000 คน มีขนาดใหญ่ติด 1 ใน 3 สเตเดี้ยมของอิตาลี ปัจจุบันยังถูกใช้เป็นสถานที่จัดแสดงคอนเสิร์ต โอเปร่า ถือเป็น

สัญลักษณ์ของเมืองเวโรนา ซึ่งลักษณะเหมือนโคลอสเซี่ยมที่กรุงโรมแต่ขนาดเล็กกว่า จากนั้นนำท่านเดินเล่นบริเวณ จัตุรัสใจกลางเมือง (PIAZZA DELL ERBE)ที่มีลานตลาดนัดเล็กๆ ขายของฝาก มีทั้งหน้ากากหลากหลายแบบ เส้นพาสต้า และของที่ระลึกต่างๆ เป็นตลาดนัดที่สวยงาม อีกทั้งที่ชุมนุมของชาวบ้านตั้งแต่ยุคโรมัน มีตึกที่รายล้อมสีพาสเทลหวานๆ และมีร้านเล็กๆ ให้ท่านเดินชมตามอัธยาศัย อิสระอาหารกลางวันเพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยว         หลังจากนั้นหลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองซีร์มิโอเน่ (SIRMIONE) เป็นเมืองเก่าแก่อายุนับ 2000 ปี ด้วยลักษณะภูมิประเทศที่เป็นแหลมยื่นเข้าไปในทะเลสาบ    การ์ดา (LAKE GARDA) ที่สวยงาม ก่อนศตวรรษที่ 15 อยู่ภายใต้การปกครองของเมืองเวนิส เพราะสมัยนั้นเมืองต่างๆ ในประเทศอิตาลียังไม่ได้รวมตัวกันต่างเป็นเอกเทศปกครองกันเองแถมมีการทำสงครามเพื่อแย่งชิงเมือง เลยเป็นเมืองที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน     ที่สำคัญมีหลักฐานและร่องรอยทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคสมัยโรมันทั้งกำแพงเมืองที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อป้องกันสงคราม ในอดีตเคยเป็นเมืองที่มีผู้คนที่มีฐานะในยุคสมัยโรมันใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจและปัจจุบันก็เป็นเมืองพักผ่อนริมทะเลสาบ นำท่านชมทะเลสาบการ์ดา ชมความสวยงามของวิวทิวทัศน์ของทะเลสาบซี่งเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่เกิดจากน้ำแข็งละลายจากเทือกเขาแอลป์ ดังนั้นซีร์มิโอเน่ จึงถูกล้อมรอบด้วยทะเลสาบทั้งสองด้าน ถึงแม้ซีร์มิโอเน่จะเป็นแค่เมืองเล็กๆ แต่ก็มีเสน่ห์ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี หลังจากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ เมืองมิลาน 
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พักณ Grand Hotel Milano Malpensa หรือระดับ  เดียวกัน

วันที่หก มิลาน-ปิอาซซ่า เดล ดูโอโม่ - Serravalle Designer Outlet-สนามบิน-ดูไบ    (อิตาลี – ยูเออี)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองมิลาน หรือ มิลาโน่ มีชื่อเสียงในด้านแฟชั่น ศิลปะ และเครื่องหนัง เป็นเมืองแห่งแฟชั่นสำคัญเมืองหนึ่งของโลก ในลักษณะเดียวกับ นิวยอร์ก ปารีส ลอนดอน “มิลาน”เป็นเมืองหลวงของแคว้นลอมบาร์เดียในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลอมบาร์ดี ชื่อเมืองมิลานมาจากภาษาเซลต์คำว่า MID-LAN มีประชากรประมาณ1,308,500 คน และมีชื่อเสียงเกี่ยวกับประเพณีคริสต์มาสที่เรียกว่า“ปาเนตโตเน” อุตสาหกรรม ผ้าไหม และแหล่งผลิตรถยนต์ อัลฟา โรมีโอ รวมไปถึงสโมสรฟุตบอลอินเตอร์มิลานและสโมสรฟุตบอลเอซีมิลาน,มีภาพวาดเฟรสโก้ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง,โรงละครโอเปร่า หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ปิอาซซ่า เดล ดูโอโม่ (Piazza Del Duomo) ซึ่งเป็นที่ตั้งของ มหาวิหารแห่งเมืองมิลาน หรือที่เรียกว่าดูโอโม่ (DUOMO)ชื่อนี้ไว้ใช้เรียกมหาวิหารประจำเมือง สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1386 แล้วเสร็จ 400
กว่าปีหลังจากนั้น ด้านนอกเป็นยอดแหลม 135 ยอด จึงมีชื่อเรียกว่า "มหาวิหารเม่น" มีรูปสลักหินอ่อนจากยุคต่างๆ ประดับอยู่กว่า

สามพันรูป บนยอดของมหาวิหารมีรูปปั้นทองขนาด 4 เมตร ของพระแม่มาดอนน่า และบริเวณนั้นยังเป็นศูนย์กลางแหล่งชุมนุมของผู้คนมาทุกยุคสมัย อิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปตามอัธยาศัยและช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม ซึ่งมีจำหน่ายมากมายในบริเวณ กัลเลเรีย วิตโตรีโอ เอมานูเอล อิสระอาหารกลางวันเพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยวและให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าของที่ระลึกหรือสินค้าพื้นเมืองตามอัธยาศัยจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ Serravalle Designer Outlet เป็นสถานที่ที่รวมสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนมจากหลากหลายเมืองและจากดีไซเนอร์ชั้นนำระดับแถวหน้าของอิตาลี มีร้านค้าแฟชั่นและสินค้าต่างๆกว่า 180 ร้าน ทั้ง Versace, Dolce & Gabbana, Prada, Roberto Cavalli, Bulgari, Trussardi, Calvin Klein ,Diesel,Camper,Furla, Moschino, Bulgari, Bose, และอื่นๆ โดยสินค้าแฟชั่นจะลดราคาตั้งแต่ 30% - 70% ตลอดทั้งปี สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่สนามบิน
22.20 น. ออกเดินทางสู่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK092 (บริการอาหารและ เครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

วันที่เจ็ด ดูไบ-กรุงเทพฯ (ยูเออี-ไทย)
06.25 น. เดินทางถึงเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะเปลี่ยนเครื่อง
08.45 น. ออกเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 372(บริการอาหารและ เครื่องดื่มบนเครื่องบิน)
18.15 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ  โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ 

8 ตุลาคม - 19 พฤษจิกายน 2562

วันเดินทาง

สายการบินเอมิเรตส์ (Emirates)

สายการบิน

รหัส : Ek018A

โปรแกรมทัวร์ : สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี 7 วัน

รายละเอียดโปรแกรม : เมืองซุก เมืองแองเกิลเบิร์ก เมืองลูเซิร์น เมืองเวโรนา เมืองโคโม่ เมืองซีร์มิโอเน่ เมืองมิลาน

Serravalle Designer Outlet

พิเศษ ขึ้นยอดเขาสแตนเซอร์ฮอร์น และยอดเขาทิตลิส

ราคาเริ่มต้น : 39,900 TH

line-logo.png

ดาวน์โหลดใบสั่งจองโปรแกรมทัวร์

** รายการทัวร์ทางหน้าเว็บไซต์ เป็นการนำเสนอรายการเบื้องต้นเท่านั้น กรุณาติดต่อแผนกเซลล์ เพื่อขอรายการทัวร์ทุกครั้ง

6

2

1

3

5

4

6

Milan.jpg

7

Mt. Titlis in Switzerland.jpg
Colisuim.jpg
Zug city ss.jpg

วันแรก กรุงเทพฯ (ไทย)
17.00น. คณะเดินทางพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิอาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4   ประตู 9 แถว T สายการบินเอมิเรตส์ (EK) เจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวก
21.25น. ออกเดินทางสู่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK373 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

วันที่สอง    ดูไบ-มิลาน-เมืองซุก-แองเกิลเบิร์ก (ดูไบ-อิตาลี-สวิสฯ)
00.50 น. เดินทางถึงเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะเปลี่ยนเครื่อง
03.35น. ออกเดินทางสู่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK101 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)
08.15น. เดินทางถึง เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี หลังผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและสัมภาระแล้ว จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองซุก เมืองที่สวยงามราวกับเทพนิยาย ตั้งอยู่ทางภาคกลางตอนบนของประเทศโดยนอกจากความสวยงามของทัศนียภาพแล้วเมืองนี้จึงถือเป็นที่ตากอากาศที่นิยมของเหล่าเศรษฐี คนดังสำคัญระดับโลก และเคยเป็นเขตปกครองที่มีรายได้เฉลี่ยน้อยที่สุดแต่ปัจจุบันคือเมืองที่รวยที่สุดของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีเขตเมืองเก่าที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ศตวรรษที่13 อาคารบ้านเรือนยังคงสภาพดั้งเดิมไว้อย่างสวยงามอีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีวิวทะเลสาปที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ อิสระอาหารกลางวันเพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยว

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองแองเกิลเบิร์ก ของสมาพันธรัฐสวิสระหว่างชมทิวทัศน์สองข้างทางและสัมผัสความสวยงามของธรรมชาติแห่งสวิสเซอร์แลนด์ เมืองแองเกิลเบิร์ก เป็นอีกหนึ่งเมืองรีสอร์ทชั้นนำของสวิตเซอร์แลนด์ โดยตัวเมืองนั้นตั้งอยู่บนเนินเขาใกล้ๆกับ"ภูเขาทิตลิส" (Mount Titlis) ภูเขาที่มียอดสูงจากระดับน้ำทะเลหนึ่งกว่า 10,000 ฟุต หรือ 3,020 เมตร ปัจจุบันเมืองแองเกิลเบิร์กได้กลายเป็นอีกหนึ่งอัลไพน์   รีสอร์ทที่ใหญ่ที่สุดในภาคกลางของสวิตเซอร์แลนด์ นอกจากนี้แล้วเมืองยังเป็นเสมือนแม่เหล็กที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนได้ทั้งในช่วงฤดูร้อนทั้งสองและฤดู​​หนาว โดยเมืองใหญ่ๆที่อยู่ใกล้เมืองนี้คือเมืองลูเซิร์นและเมืองซูริค สำหรับบรรยากาศภายในเมืองนั้นค่อนข้างเงียบสงบ โดยในช่วงฤดู​​ร้อนจะมีกิจกรรมท่องเที่ยวสำคัญๆได้แก่ การเดินทางไกล, ขี่ม้า และขี่จักรยานภูเขา ส่วนในช่วงฤดูหนาวจะเป็นการเล่นสกี การลากเลื่อนหิมะ และอื่นๆ 
ค่ำ    บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ Terrace  Hotel หรือระดับเดียวกัน

วันที่สาม ยอดเขาสแตนเซอร์ฮอร์น-ลูเซิร์น-สะพานไม้ชาเปล-รูปแกะสลักสิงโตบนหน้าผาหิน (สวิสฯ)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมจากนั้นนำท่านสู่ยอดเขาสแตนเซอร์ฮอร์น (Mt.Stanserhorn) มีความสูงที่ 1,898 เมตร(6,227 ฟุต) ระหว่างทางคุณจะได้ชมวิวแบบพาโนราม่าและให้ท่านได้สัมผัสการเดินทางโดยขึ้นกระเช้า “Cabrio” กระเช้าลอยฟ้าเปิดประทุนที่มี 2 ชั้นแห่งแรกของโลกและสามารถจุผู้โดยสารได้เกือบ 60 ท่าน โดยชั้นดาดฟ้าจะสามารถจุได้ 30 ท่าน ระยะเกือบ 2 กิโลเมตร ระหว่างทางขึ้นสู่ยอดเขาท่านจะสามารถมองเห็นวิวแบบ 360 องศา  อิสระอาหารกลางวันเพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยว นำท่านเดินทางสู่ เมืองลูเซิร์น  อดีตหัวเมืองโบราณของสวิสเซอร์แลนด์ เป็นดินแดนที่ได้รับสมญานามว่า หลังคาแห่งทวีปยุโรป (The roof of Europe) เพราะนอกจากจะมีเทือกเขาสูงเสียดฟ้าอย่างเทือกเขาแอลป์แล้ว ก็ยังมีภูเขาใหญ่น้อยสลับกับป่าไม้ที่แทรกตัวอยู่ตามเนินเขาและไหล่เขา สลับแซมด้วยดงดอกไม้ป่าและทุ่งหญ้าอันเขียวชอุ่มนำท่านชมและแวะถ่ายรูปกับสะพานไม้ชาเปล

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

หรือสะพานวิหาร (Chapel bridge) ซึ่งข้ามแม่น้ำรอยซ์ เป็นสะพานไม้ที่เก่าแก่ ที่สุดในโลก มีอายุหลายร้อยปี เป็นสัญลักษณ์และประวัติศาสตร์ของเมืองลูเซิร์นเลยทีเดียว สะพานวิหารนี้เป็นสะพานที่แข็งแรงมากมุงหลังคาแบบโบราณ เชื่อมต่อไปยังป้อมแปดเหลี่ยมกลางน้ำ จั่วแต่ละช่องของสะพานจะมีภาพเขียนเรื่องราวประวัติความเป็นมาของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นภาพเขียนเก่าแก่อายุกว่า 400 ปี แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบันสะพานไม้นี้ถูกไฟไหม้เสียหายไปมาก ต้องบูรณะสร้างขึ้นใหม่เกือบหมด นำท่านชมรูปแกะสลักสิงโตบนหน้าผาหิน เป็นอนุสาวรีย์ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่หัวของสิงโตจะมีโล่ห์ ซึ่งมีกากบาทสัญลักษณ์ของสวิตเซอร์แลนด์อยู่ โดยสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารสวิสฯในด้านความกล้าหาญ ซื่อสัตย์ จงรักภักดี ที่เสียชีวิตในประเทศฝรั่งเศส ระหว่างการต่อสู้ป้องกันพระราชวังในครั้งปฏิวัติใหญ่สมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 หลังจากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่เมืองแองเกิลเบิร์ก
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ Terrace  Hotel หรือระดับเดียวกัน

วันที่สี่ ยอดเขาทิตลิส-เมืองโคโม-กรุงมิลาน (สวิสฯ-อิตาลี)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านสู่ยอดเขาทิตลิส (TITLIS) แหล่งเล่นสกีของสวิตเซอร์แลนด์ภาคกลาง ที่หิมะคลุมตลอดทั้งปีสูงถึง 10,000 ฟิต หรือ 3,020 เมตร บนยอดเขาแห่งนี้หิมะจะไม่ละลายตลอดทั้งปี นั่งกระเช้ายักษ์ที่หมุนได้รอบทิศเครื่องแรกของโลกที่ชื่อว่า REVOLVING ROTAIRจนถึงสถานีบนยอดเขาทิตลิสหลังจากนั้นให้ท่านได้สนุกกับกิจกรรมบนยอดเขาแห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นการ ชมถ้ำน้ำแข็งซึ่งเป็นถ้ำที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ ภายในเป็นผนังน้ำแข็งพร้อมมีคำอธิยายเป็นจุด ๆ หรือสามารถเดินไปยัง TITLIS CLIFF WALKสะพานแขวนบนยอดเขาที่สูงที่สุดในยุโรปรวมถึงการเลือกซื้อสินค้าที่ ร้านขายของที่ระลึกและ ลานหิมะซึ่งเป็นชั้นบนสุดซึ่งจะเป็นชั้นที่ท่าสามารถเดินย่ำหิมะออกไปยังลานกว้างซึ่งเป็นจุดชมวิวบนยอดเขา ถึงเวลาอันสมควรนำท่านเดินทางกลับลงจากยอดเขาสู่เมืองแองเกิลเบิร์ก (สำหรับท่านที่เดินทางในพีเรียดวันที่ 13-19 พฤศจิกายน 2562 ขอสงวนสิทธ์ในการเปลี่ยนแปลงโปรแกรมจากขึ้นยอดเขาทิตลิสเป็นขึ้นยอดเขาชิลธอร์น เนื่องจาก ยอดเขาทิตลิสปิดในวันที่ 4-15

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

พฤศจิกายน 2562) อิสระอาหารกลางวันเพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยวหลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองโคโม เป็นเมืองในแคว้นลอมบาร์เดีย ตั้งอยู่บริเวณพรมแดนกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โคโมเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในเทือกเขาแอลป์ ทิศเหนือของเมืองอยู่ติดกับทะเลสาบโคโม โคโมเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่ง เป็นแหล่งรวมชิ้นงานศิลปะชื่อดัง, มีโบสถ์, พิพิธภัณฑ์, สวน, โรงละคร, วังเก่าอยู่มากมาย โดยในปี 2013 โกโมมีจำนวนผู้มาพำนักค้างคืนถึง 215,000 คน ถือเป็นเมืองที่มีผู้มาเยือนมากที่สุดเป็นอันดับสี่ของแคว้นลอมบาร์เดียรองจากมิลาน, แบร์กาโม และเบรชชา หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่กรุงมิลาน (MILAN) เมืองสำคัญทาง ภาคเหนือของอิตาลี ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลอมบาร์ดี ชื่อเมืองมิลานมาจากภาษาเซลต์คำว่า MID-LAN ซึ่งหมายถึงอยู่กลางที่ราบ มีชื่อเสียงในด้านแฟชั่นและศิลปะ
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พักณ Grand Hotel Milano Malpensa หรือระดับเดียวกัน

วันที่ห้า เมืองเวโรนา -เวโรนาอารีน่า-จัตุรัสใจกลางเมือง-เมืองซีร์มิโอเน่ -ทะเลสาบการ์ดา-มิลาน (อิตาลี)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเวโรนา (VERONA) เมืองเล็กๆ ในแคว้นเวเนโต ประเทศอิตาลี ได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยองค์กรยูเนสโก และยังได้รับสมญานามว่า “LITTLE ROMAN” เพราะยังคงสภาพสถาปัตยกรรมจากสมัยโรมันไว้อย่างสมบูรณ์ ปัจจุบันเมืองเวโรนาสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางศิลปะ และวัฒนธรรมเก่าแก่ที่ยังมีให้เห็นในงานนิทรรศการประจำปี โรงละคร และโอเปร่าในโรงละครกลางแจ้งที่มีมาแต่โบราณ ทำให้เมืองนี้เป็นต้นกำเนิดผลงานปลายปากกาของวิลเลียม เชกสเปียร์ โดยเฉพาะตำนานรักอมตะของโรมิโอจูเลียต ที่คุณจะได้สัมผัสกลิ่นอายของความรักตลบอบอวลไปทั้งเมือง นำท่านถ่ายภาพด้านหน้า เวโรนาอารีน่า (VERONA ARENA) โรงละครกลางแจ้งแบบโรมันเป็นสถาปัตยกรรมศิลปะโรมันโบราณอายุกว่า 2,000 ปี สามารถจุคนได้กว่า 15,000 คน มีขนาดใหญ่ติด 1 ใน 3 สเตเดี้ยมของอิตาลี ปัจจุบันยังถูกใช้เป็นสถานที่จัดแสดงคอนเสิร์ต โอเปร่า ถือเป็น

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

สัญลักษณ์ของเมืองเวโรนา ซึ่งลักษณะเหมือนโคลอสเซี่ยมที่กรุงโรมแต่ขนาดเล็กกว่า จากนั้นนำท่านเดินเล่นบริเวณ จัตุรัสใจกลางเมือง (PIAZZA DELL ERBE)ที่มีลานตลาดนัดเล็กๆ ขายของฝาก มีทั้งหน้ากากหลากหลายแบบ เส้นพาสต้า และของที่ระลึกต่างๆ เป็นตลาดนัดที่สวยงาม อีกทั้งที่ชุมนุมของชาวบ้านตั้งแต่ยุคโรมัน มีตึกที่รายล้อมสีพาสเทลหวานๆ และมีร้านเล็กๆ ให้ท่านเดินชมตามอัธยาศัย อิสระอาหารกลางวันเพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยว         หลังจากนั้นหลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองซีร์มิโอเน่ (SIRMIONE) เป็นเมืองเก่าแก่อายุนับ 2000 ปี ด้วยลักษณะภูมิประเทศที่เป็นแหลมยื่นเข้าไปในทะเลสาบ    การ์ดา (LAKE GARDA) ที่สวยงาม ก่อนศตวรรษที่ 15 อยู่ภายใต้การปกครองของเมืองเวนิส เพราะสมัยนั้นเมืองต่างๆ ในประเทศอิตาลียังไม่ได้รวมตัวกันต่างเป็นเอกเทศปกครองกันเองแถมมีการทำสงครามเพื่อแย่งชิงเมือง เลยเป็นเมืองที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน     ที่สำคัญมีหลักฐานและร่องรอยทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคสมัยโรมันทั้งกำแพงเมืองที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อป้องกันสงคราม ในอดีตเคยเป็นเมืองที่มีผู้คนที่มีฐานะในยุคสมัยโรมันใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจและปัจจุบันก็เป็นเมืองพักผ่อนริมทะเลสาบ นำท่านชมทะเลสาบการ์ดา ชมความสวยงามของวิวทิวทัศน์ของทะเลสาบซี่งเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่เกิดจากน้ำแข็งละลายจากเทือกเขาแอลป์ ดังนั้นซีร์มิโอเน่ จึงถูกล้อมรอบด้วยทะเลสาบทั้งสองด้าน ถึงแม้ซีร์มิโอเน่จะเป็นแค่เมืองเล็กๆ แต่ก็มีเสน่ห์ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี หลังจากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ เมืองมิลาน 
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พักณ Grand Hotel Milano Malpensa หรือระดับ  เดียวกัน

วันที่หก มิลาน-ปิอาซซ่า เดล ดูโอโม่ - Serravalle Designer Outlet-สนามบิน-ดูไบ    (อิตาลี – ยูเออี)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองมิลาน หรือ มิลาโน่ มีชื่อเสียงในด้านแฟชั่น ศิลปะ และเครื่องหนัง เป็นเมืองแห่งแฟชั่นสำคัญเมืองหนึ่งของโลก ในลักษณะเดียวกับ นิวยอร์ก ปารีส ลอนดอน “มิลาน”เป็นเมืองหลวงของแคว้นลอมบาร์เดียในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลอมบาร์ดี ชื่อเมืองมิลานมาจากภาษาเซลต์คำว่า MID-LAN มีประชากรประมาณ1,308,500 คน และมีชื่อเสียงเกี่ยวกับประเพณีคริสต์มาสที่เรียกว่า“ปาเนตโตเน” อุตสาหกรรม ผ้าไหม และแหล่งผลิตรถยนต์ อัลฟา โรมีโอ รวมไปถึงสโมสรฟุตบอลอินเตอร์มิลานและสโมสรฟุตบอลเอซีมิลาน,มีภาพวาดเฟรสโก้ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง,โรงละครโอเปร่า หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ปิอาซซ่า เดล ดูโอโม่ (Piazza Del Duomo) ซึ่งเป็นที่ตั้งของ มหาวิหารแห่งเมืองมิลาน หรือที่เรียกว่าดูโอโม่ (DUOMO)ชื่อนี้ไว้ใช้เรียกมหาวิหารประจำเมือง สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1386 แล้วเสร็จ 400
กว่าปีหลังจากนั้น ด้านนอกเป็นยอดแหลม 135 ยอด จึงมีชื่อเรียกว่า "มหาวิหารเม่น" มีรูปสลักหินอ่อนจากยุคต่างๆ ประดับอยู่กว่า

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

สามพันรูป บนยอดของมหาวิหารมีรูปปั้นทองขนาด 4 เมตร ของพระแม่มาดอนน่า และบริเวณนั้นยังเป็นศูนย์กลางแหล่งชุมนุมของผู้คนมาทุกยุคสมัย อิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปตามอัธยาศัยและช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม ซึ่งมีจำหน่ายมากมายในบริเวณ กัลเลเรีย วิตโตรีโอ เอมานูเอล อิสระอาหารกลางวันเพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยวและให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าของที่ระลึกหรือสินค้าพื้นเมืองตามอัธยาศัยจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ Serravalle Designer Outlet เป็นสถานที่ที่รวมสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนมจากหลากหลายเมืองและจากดีไซเนอร์ชั้นนำระดับแถวหน้าของอิตาลี มีร้านค้าแฟชั่นและสินค้าต่างๆกว่า 180 ร้าน ทั้ง Versace, Dolce & Gabbana, Prada, Roberto Cavalli, Bulgari, Trussardi, Calvin Klein ,Diesel,Camper,Furla, Moschino, Bulgari, Bose, และอื่นๆ โดยสินค้าแฟชั่นจะลดราคาตั้งแต่ 30% - 70% ตลอดทั้งปี สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่สนามบิน
22.20 น. ออกเดินทางสู่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK092 (บริการอาหารและ เครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

วันที่เจ็ด ดูไบ-กรุงเทพฯ (ยูเออี-ไทย)
06.25 น. เดินทางถึงเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะเปลี่ยนเครื่อง
08.45 น. ออกเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 372(บริการอาหารและ เครื่องดื่มบนเครื่องบิน)
18.15 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ  โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ 

Stanserhorn2.jpg
bottom of page