top of page

วันแรก กรุงเทพฯ (ไทย)
22.00 น. คณะเดินทางพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 ประตู 9 แถว T สายการบินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ (EK) เจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวก

วันที่สอง ดูไบ-เมืองบากู-วิหารแห่งไฟ-ยูนาร์แด๊ก (ยูเออี-อาเซอร์ไบจาน)
01.05 น. ออกเดินทางสู่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 385 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)    
05.00 น. เดินทางถึงเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะเปลี่ยนเครื่อง
08.00 น. เดินทางสู่ เมืองบากู  ประเทศอาเซอร์ไบจาน โดย สายการบินฟลายดูไบ เที่ยวบินที่ EK 2198        
11.00 น. เดินทางถึง เมืองบากู  ประเทศอาเซอร์ไบจาน หลังผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและสัมภาระแล้ว นำท่านเดินทางสู่ใจกลางเมืองบากู เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของอาเซอร์ไบจาน ตั้งอยู่ชายฝั่งทางใต้ของคาบสมุทรเล็ก ๆ ที่ยื่นออกไปในทะเลแคสเปียน ประกอบด้วยพื้นที่ 3 ส่วน ย่านเมืองเก่า ตัวเมืองปัจจุบัน และตัวเมืองที่สร้างขึ้นในสมัยโซเวียต 
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ อะเทห์กาห์ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วิหารแห่งไฟ เป็นสถานที่ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและเป็นที่พักอาศัยของพระ แวดล้อมไปด้วยห้องทั้งหมด 26 ห้อง และบริเวณตรงกลางวิหารแห่งนี้จะมีกระถางไฟที่ติดอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีความรุ่งเรืองมาอย่างยาวนานจนถึงศตวรรษที่ 18 ก่อนที่จะถูกทิ้งร้างว่างเปล่าไป ในปี ค.ศ. 1975 ได้มีการขุดค้นพบน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ จึงได้มีการมาบูรณะซ่อมแซมวิหารแห่งนี้ขึ้นมาใหม่อีกครั้งและเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ จากนั้นนำท่านชม ยูนาร์แด๊ก หรือ ภูเขาแห่งไฟ (FIRE MOUNTAIN) ท่านจะได้ชมความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ เปลวไฟนั้นลุกไหม้ตลอดเวลามาจากก๊าซที่อยู่ใต้ดิน โดยซึมผ่านชั้นของหินทรายที่เป็นรูพลุ่งขึ้นมาเหนือพื้นดินและติดไฟได้ เนื่องจากว่าประเทศอาเซอร์ไบจานนั้นยังคงมีก๊าซธรรมชาติอย่างมากมาย
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ Hotel Corniche Baku หรือระดับเดียวกัน


วันที่สาม โกบุสตาน-เมืองเก่าบากู-คาราวานซาราย-หอคอยไมเด็น (อาเซอร์ไบจาน)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำทุกท่านเดินทางสู่ เมืองโกบุสตาน (GOBUSTAN) ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองบากู เป็นบริเวณที่มีชื่อเสียงมากที่สุดและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีการแกะสลักภาพบนหินของมนุษย์ที่งดงาม (ROCK PETROGLYPHS) และนอกจากนั้นยังมีภูเขาโคลนที่มีรูปร่างเหมือนภูเขาไฟซึ่งมีโคลนสีดำพลุ่งขึ้นมาตลอดเวลา (MUD VOLCANOES/MUD DOMES) ให้ท่านชมความสวยงามของหินภูเขาที่มีการแกะสลักภาพที่เป็นรูปต่างๆ ณ พิพิธภัณฑ์เปิด (ROCK PAINTING OPEN-AIR MUSEUM) ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.2007 เช่น ภาพการล่าสัตว์ รูปคนเต้นรำ เรือ หมู่ดาวและสัตว์ต่างๆ
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร หลังจากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่เมืองบากู นำท่านชม ย่านเมืองเก่า (Baku Old City) เป็นย่านที่เก่าแก่ที่สุดและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ โดยมีกำแพงป้อมล้อมรอบและรอบกำแพงจะมีการสร้างเป็นป้อมหอคอยซึ่งมีทั้งหมด 25 แห่งและมีประตูทางเข้าออกถึง 5 แห่ง จากนั้นนำท่านชม พระราชวังแห่งราชวงศ์เชอร์วาน (Palace of Shirvansshakh’) สถานที่พำนักของกษัตริย์แห่งราชวงศ์ชีวานผู้ซึ่งครองราชย์มาอย่างยาวนาน ในช่วงศตวรรษที่ 14-17 แวะชม คาราวานซาราย (Caravansaray) เป็นที่พักแรมของกองคาราวานที่เดินทางมาค้าขายจากเอเชียในยุคของการค้าขายบนเส้นทางสายไหมที่มีความสำคัญอย่างมากในอดีต จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับ หอคอยไมเด็น (Maiden Tower) หอคอยซึ่งถือว่าเป็นส่วนที่เก่าแก่ของเมือง สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 และถูกล้อมรอบด้วยห้องอาบน้ำโบราณในยุคอดีต จากนั้นนำท่านสู่ 28 Mall Shopping Center ศูนย์การค้าที่มากไปด้วย ร้านค้าขายของแบรนด์เนมและขอพื้นเมือง รวมถึงร้านอาหาร ร้านกาแฟมากมาย อิสระให้ท่านเดินเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก  ณ Hotel Cornicle Baku หรือระดับเดียวกัน


วันที่สี่ เมืองเชมาค่า- JUMA MOSQUE-เมืองเชคี-พระราชวังเชคี-โบสถ์คิชอัลบาเนียน (อาเซอร์ไบจาน)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเชมาค่า ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเป็นศูนย์กลางการปกครองของจังหวัดเชมาค่า นำท่านชม JUMA MOSQUE มัสยิดเก่าแก่ ตั้งอยู่ใจกลางเขตเมืองเก่าเป็นมัสยิดที่สวยงาม สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 ภายในตกแต่งและประดับดาด้วยหินและโมเสก รวมทั้งโดมที่มีความสวยงาม มีห้องสวดมนต์แยกต่างหากสาหรับสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ มัสยิดแห่งนี้ได้รับการช่วยเหลือจากการถูกทำลายและถูกเปลยี่นเป็นพิพิธภัณฑ์ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเชคี ซึ่งแนเมืองหนึ่งที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศอาเซอร์ไบจาน เป็นเมืองศูนย์กลางการปกครองของจังหวัดเชคี ตั้งอยู่ในบริเวณเทือกเขาคอเคซัสใหญ่และอยู่ติดกับจอร์เจีย เมืองแห่งนี้เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยภูเขา ช่องเขาที่แคบพร้อมทั้งมีลำธารน้ำไหลและป่าเขาที่เขียวชอุ่มที่ชุ่มชื้นไปด้วยน้ำ
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนําท่านชม พระราชวัง PALACE OF SHAKI KHANS อนุสรณ์สถานที่ทรงคุณค่าของเชกิ สร้างขึนในปีค.ศ.1761-1762 ใช้เป็น ที่ประทับของข่านมุชตาด เป็นพระราชวังสองชั้นตกแต่งด้วยภาพวาดสีเฟรสโก้อันงดงาม และงานกระจกสีอันงดงามที่เรียกว่า Shebeke งดงามทั้งภายในและภายนอก บางส่วนของจิตรกรรมฝาผนังมีลายดอกไม้นานาพันธุ์และภาพที่แสดงถึงการล่าสัตว์โบราณหรือ การต่อสู้ การสร้างต้นแบบของพระราชวังใช้อิฐหินแม่น้ำและต้นโอ๊กหน้าต่างประดับกระจกหลากสี ลวดลายเรขาคณิตและหินฉลุลวดลวดลายแบบอิสลามิค มีความงดงามมาก พระราชวงัแห่งนี้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปีค.ศ.1998 จากนั้นนำท่านชม คาราวานซาราย (Caravansaray) เป็นที่พักแรมของกองคาราวานที่เดินทางมาค้าขายจากเอเชียในยุคของการค้าขายบนเส้นทางสายไหมที่มีความสำคัญอย่างมากในอดีต จากนั้นนำท่านเดินทางสู่หมูบ้านคิช และนำท่านชม โบสถ์คิชอัลบาเนียน เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญของคนที่นับถือศาสนาคริสต์ของชาวคอเคเชียอัลเบเนีย เนื่องจากชาวอาเซอร์ไบจานส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม นักประวัติศาสตร์ได้สันนิษฐานว่าสถานที่แห่งนี้ครั้งหนึ่งเคยถูกเปลี่ยนให้เป็นที่พักอาศัยของบิชอบแห่งจอร์เจียตั้งแต่ศตวรรษที่ 17
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ Sheki Park Hotel หรือระดับเดียวกัน

วันที่ห้า เมืองลาโกเดกิ-เมืองซิกนากิ-เขตควาเรลี-เมืองทบิลิซี                  (อาเซอร์ไบจาน-จอร์เจีย)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำาท่านเดินทางสู่ เมืองลาโกเดกิ พรมแดนของระหว่าง 2 ประเทศ จอร์เจียและอาเซอร์ไบจาน หลังจากขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อย นำท่านเดินทางต่อไปยัง เมืองซิกนากิ ของประเทศจอร์เจีย ได้รับฉายาว่าเป็นเมืองแห่งความรัก ด้วยทัศนียภาพที่สวยงามของหุบเขาอะลาซาลี่และเทือกเขาคอเคซัส เมืองแห่งนี้มีชื่อเสียงในการผลิตพรมและวัตถุดิบในการทำอาหารมากมายที่มีส่วนสำคัญของประเทศจอร์เจีย รวมถึงเป็นแหล่งปลูกองุ่นชั้นดี จึงทำให้เมืองนี้มีชื่อเสียงในเรื่องของการผลิตไวน์
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร นำท่านสู่ เขตควาเรลี Kvareli ที่แปลว่า “ไวน์” ของแคว้นคาเคติ ที่เป็น 1ในเขตที่เป็นแหล่งผลิตไวน์ของจอร์เจีย ที่นี่มีดินสภาพอากาศเหมาะต่อการปลูกองุ่นสำหรับไวน์ โดยมีการขุดอุโมงค์สกัดเข้าไปในภูเขา เพื่อให้เป็นที่เก็บไวน์ในอุณหภูมิเหมาะสม หลังจากนั้นให้ท่านได้มีโอกาส ลิ้มรสไวน์ชั้นดี คูวาเรลีไวน์ ถึงเวลาอันสวมควรนำท่านเดินทางสู่เมืองหลวงของประเทศจอร์เจียร์ เมืองทบิลิซี (Tbilisi) เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ตั้งอยู่ระหว่างสองฝั่งแม่น้ำ คูรา Kuraหรือแม่น้ำซควารี Mtkvari ในภาษาถิ่น ก่อตั้งในราวศตวรรษที่ 5 เป็นเมืองหลวงสุดท้ายของอาณาจักรไอบีเรีย ที่อยู่รอดท่ามกลางสองอาณาจักรโรมัน และแซสซานิค
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ Gallery Palace Hotel หรือระดับเดียวกัน

วันที่หก เมืองมิสเคต้า-วิหารจวารี-วิหารสเวติสเคอเวรี-ป้อมอนานูรี-เมืองคาซเบกี้-โบสถ์เกอร์เกตี้ (จอร์เจีย)
 เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม หลังจากนั้นนำท่านออกเดินทางไปยัง เมืองมิสเคต้า (Mtskheta) ที่ตั้งอยู่ทางด้านเหนือห่างจากกรุงทบิลิซีประมาณ 20กม. ในจังหวดคาร์ทลี่ ทางด้านตะวันออกของจอร์เจียเมืองนี้นับ ว่าเป็นเมืองที่มีความเก่าแห่งหนึ่งของประเทศ และในปัจจุบันเป็นศูนย์กลางการปกครองของแคว้นมคสเคต้า และเทียนิตี้มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 20,000 คน เนื่องจากมีโบราณสถานทางด้านประวัติศาสตร์มากมายหลายแห่งจึงได้รับการขั้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1994 จากนั้นนำทุกท่านชม วิหารจวารี(Jvari Monastery)  ซึ่งเป็นวิหารในรูปแบบของคริสต์ศาสนาออร์โธด๊อกที่ถูกสร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 6 วิหารแห่งนี้ตั้งอยู่บนภูเขาที่มีแม่น้ำสองสายไหลมาบรรจบกันคือ แม่น้ามิควารีและแม่น้ำอรักวีและถ้ามองออกไปข้ามเมืองมิสเคต้าไปยังบริเวณที่กว้างใหญ่ซึ่งในอดีตเคยเป็นอาณาจักรของไอบีเรีย (Kingdom of Iberia) ซึ่งได้เคยปกครองดินแดนในบริเวณนี้ตั้งแต่ 400 ปีก่อนคริสตกาลจนถึงราวคริสต์ศตวรรษที่ 5 จากนั้นนำท่านชม วิหารสเวติสเคอเวรี (Svetitkhoveli Cathedral) ซึ่งคำว่า Sveti หมายถึง "เสา" และ Tskhoveli หมายถึง "ชีวิต" เรียกง่ายๆรวมกันก็คือวิหารเสามีชีวิต สร้างราวศตวรรษที่ 11 โบสถ์แห่งนี้ถือเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่ศักด์สิทิธิ์ที่สุดของจอร์เจีย สร้างขึ้นโดยสถาปนิกชาวจอร์เจีย มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศอีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางที่ทำให้ชาวจอร์เจียเปลี่ยนความเชื่อและหันมานับถือศาสนาคริสต์
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร หลังจากนั้นเข้าชม ป้อมอนานูรี (Ananuri Fortress) ป้อมปราสาทตั้งอยู่ริมฝั่งซ้ายของ แม่น้ำอรักวีเป็นที่ประทับของ เอริสตาวิส หรือ ดยุคแห่งอรักวีราชวงศ์ศักดินาผู้ปกครองดินแดนลุ่มแม่น้ำอรักวีและเป็นสมรภูมิรบแย่งชิงอำนาจกับเจ้าปกครองแคว้นอื่น ๆ หลายครั้ง ภายในป้อมปราการประกอบไปด้วยปราสาท 2 หลัง โบสถ์ 2 แห่งคือ โบสถ์แม่พระผู้พรหมจรรย์และโบสถ์แม่พระเสด็จขึ้นสวรรค์ (อัสสัมชัญ) และที่ฝังศพของดยุคแห่งอรักวีซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบจอร์เจีย หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองกูดาอูรี (Gudauri) โดยเดินทางไปยังเส้นทางหลวงสายสำคัญที่มีชื่อว่า Georgian Military Highway เส้นทางสำหรับใช้ในด้านทหาร ถนนสายนี้เป็นถนนสายสำคัญที่สุดที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยที่จอร์เจียอยู่ภายใต้การควบคุมจากสหภาพโซเวียด เพื่อใช้เป็นเส้นทางหลักในการข้ามเทือกเขาคอเคซัสจากรัสเซียมายังที่ภูมิภาคนี้ จากนั้นท่านเดินทางต่อไปยังเมืองคาซเบกี้ (Kazbegi) หรือปัจจุบันเรียกว่า เมืองสเตปันสมินดา (Stepansminda) ชื่อนี้เพิ่งเปลี่ยนเมื่อปี 2006 หลังจากนักบุญนิกายออร์โธด๊อก ชื่อสเตฟาน ได้มาพำนักอาศัยและก่อสร้างสถานที่สำหรับจำศีลภาวนาขึ้น เมืองนี้อยู่ห่างจากเมืองหลวงทบิลิซีประมาณ 157 กิโลเมตร เป็นเมืองเล็กๆตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเทอร์กี้ถือเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวบนเทือกเขาคอเคซัส (Caucasus) ที่สำคัญของประเทศจอร์เจีย มีภูมิทัศน์ที่สวยงามโดยรอบ รวมทั้งเป็นจุดชมวิวของยอดเขาคาซเบกี้อีกด้วย จากนั้นนำท่านขึ้นรถ 4WD (รถขับเคลื่อน 4 ล้อ) เพื่อเข้าสู่ใจกลางหุบเขาคอเคซัส (Caucasus) นำท่านชมความสวยงามของโบสถ์เกอร์เกตี้ (Gergeti Trinity Church) หรือเรียกว่าโบสถ์สมินดา ซาเมบา (Tsminda Sameba) สร้างด้วยหินแกรนิตขนาดใหญ่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 เป็นโบสถ์ชื่อดังกลางหุบเขาคอเคซัส ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญหนึ่งของประเทศจอร์เจีย ตั้งอยู่บนเทือกเขาคาซเบกี้ที่ระดับความสูงจากน้ำทะเล 2,170 เมตรทิศใต้ ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำดานูบ เมืองมีการผลิตเหล็กกล้า เครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ยาสูบ เมืองนี้พัฒนามาจากค่ายสมัยโรมัน เป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญในคริสต์ศตวรรษที่ 13 (*ในกรณีที่มีหิมะตกหนัก จนไม่สามารถเดินทางได้ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ปรับเปลี่ยนโปรแกรมตามความเหมาะสม*) จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ เมืองทบิลิซี (TBILISI) 
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ Gallery Palace Hotel หรือระดับเดียวกัน


วันที่เจ็ด โบสถ์ตรีนิตี้-ป้อมปราการนาริคาล่า-ทบิลิซี เคเบิ้ลคาร์-สนามบิน (จอร์เจีย-ยูเออี)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเที่ยวชม เมืองทบิลิซี เมืองที่มีเนื้อที่ประมาณ 372 ตร.กม.และมีประชากร1,093,000 คน เมืองนี้ถูกสร้างโดย กษัตริย์วาคตัง จอร์กาซาลี (Vakhtang Gorgasali) กษัตริย์จอร์เจียแห่งคาร์ตลีได้ก่อตั้งเมืองนี้ขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 4 เมืองทบิลิซิเป็นศูนย์กลางการทำอุตสาหกรรม สังคมและวัฒนธรรมในภูมิภาคคอเคซัส ในประวัติศาสตร์เมืองนี้อยู่ในสายทางหนึ่งของเส้นทางสายไหม และปัจจุบันยังมีบทบาทสำคัญในฐานะศูนย์กลางการขนส่งและการค้า เนื่องจากความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ในแง่ที่ตั้งที่เป็นจุดติดระหว่างทวีปเอเชียกับทวีปยุโรป นำท่านชม โบสถ์ตรีนิตี้ (Holy Trinity Cathedral Of Tbilisi) หรือ ซามีบา (Sameba Chthedral) มีความหมายว่า โบสถ์พระตรีเอกานุภาพศักดิ์สิทธิ์แห่งกรุงทบิลิซี หรือ อารามซามีบา ชื่อเรียกของคนท้องถิ่น เป็นวิหารหลักของชาวคริสต์นิกายจอร์เจียนออร์โธด็อกซ์ในกรุงทบิลิซีก่อสร้างขึ้นระหว่างปีค.ศ.1995  -2004 ใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของศาสนสถานในนิกายออร์โธด๊อกซ์ตะวันออกทั่วโลกแม้จะมีอายุไม่มากแต่ก็เป็นโบสถ์ตัวอย่างของสถาปัตยกรรมแบบจอร์เจียนท้องถิ่นที่มีรูปแบบทางศิลปะจากไบแซนไทน์โบสถ์เป็น  อาคารขนาดใหญ่ที่ โดดเด่นมาก จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ป้อมปราการนาริคาล่า (Narikala Fortress) โดยกระเช้าไฟฟ้า เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญ เป็นป้อมที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 4 บนเนินเขาเหนือเมืองเก่าทบิลิซีเพื่อใช้ในการป้องเมืองของตัวเองจากศัตรูภายนอกและค่อยๆมีการขยายอณาเขตมาภายหลังจนเสร็จสมบูรณ์ ปัจจุบันสภาพของป้อมยังมีสภาพความเสียจากแผ่นดินไหวเมื่อปี ค.ศ. 1827 ถึงยังไงก็ตามสถานที่นี้เป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวเนื่องจากสามารถมองชมเมืองหลวงทบิลิซิได้อย่างทั่วถึง
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ สนามบินทบิลิซี
16.55 น. ออกเดินทางสู่เมืองดูไบ โดยสายการบินฟลาย ดูไบ เที่ยวบินที่ EK2199 
 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)
20.15 น. เดินทางถึงเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะเปลี่ยนเครื่อง
22.35 น. ออกเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ EK 374
(บริการอาหารและ เครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

วันที่แปด ดูไบ-กรุงเทพฯ (ยูเออี-ไทย)
 07.35 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ  โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ 

6

21 มกราคม - 6 พฤษภาคม 2563

วันเดินทาง

สายการบินเอมิเรตส์ (Emirates) ,สายการบินฟลายดูไบ (Flydubai)

สายการบิน

รหัส : Ek026

โปรแกรมทัวร์ : อาเซอร์ไบจาน จอร์เจีย 8 วัน 5 คืน

รายละเอียดโปรแกรม :  เมืองเก่าบากู คาราวานซาราย หอคอยไมเด็น โกบุสตาน ควาเรลี เทือกเขาคอเคซัส เมืองทบิลีชี     ป้อมนานูรี วิหารจวารี เมืองคาซเบกี้ ทบิลีซีเคเบิ้ลคาร์พิเศษ นั่งรถ 4WD ลิ้มรสจอร์เจียบไวน์ และอาหารไทย

ราคาเริ่มต้น : 45,900 TH

line-logo.png

ดาวน์โหลดใบสั่งจองโปรแกรมทัวร์

** รายการทัวร์ทางหน้าเว็บไซต์ เป็นการนำเสนอรายการเบื้องต้นเท่านั้น กรุณาติดต่อแผนกเซลล์ เพื่อขอรายการทัวร์ทุกครั้ง

2

1

3

5

6

4

ึ7

8

วันแรก กรุงเทพฯ (ไทย)
22.00 น. คณะเดินทางพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 ประตู 9 แถว T สายการบินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ (EK) เจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวก

วันที่สอง ดูไบ-เมืองบากู-วิหารแห่งไฟ-ยูนาร์แด๊ก (ยูเออี-อาเซอร์ไบจาน)
01.05 น. ออกเดินทางสู่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 385 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)    
05.00 น. เดินทางถึงเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะเปลี่ยนเครื่อง
08.00 น. เดินทางสู่ เมืองบากู  ประเทศอาเซอร์ไบจาน โดย สายการบินฟลายดูไบ เที่ยวบินที่ EK 2198        
11.00 น. เดินทางถึง เมืองบากู  ประเทศอาเซอร์ไบจาน หลังผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและสัมภาระแล้ว นำท่านเดินทางสู่ใจกลางเมืองบากู เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของอาเซอร์ไบจาน ตั้งอยู่ชายฝั่งทางใต้ของคาบสมุทรเล็ก ๆ ที่ยื่นออกไปในทะเลแคสเปียน ประกอบด้วยพื้นที่ 3 ส่วน ย่านเมืองเก่า ตัวเมืองปัจจุบัน และตัวเมืองที่สร้างขึ้นในสมัยโซเวียต 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ อะเทห์กาห์ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วิหารแห่งไฟ เป็นสถานที่ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและเป็นที่พักอาศัยของพระ แวดล้อมไปด้วยห้องทั้งหมด 26 ห้อง และบริเวณตรงกลางวิหารแห่งนี้จะมีกระถางไฟที่ติดอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีความรุ่งเรืองมาอย่างยาวนานจนถึงศตวรรษที่ 18 ก่อนที่จะถูกทิ้งร้างว่างเปล่าไป ในปี ค.ศ. 1975 ได้มีการขุดค้นพบน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ จึงได้มีการมาบูรณะซ่อมแซมวิหารแห่งนี้ขึ้นมาใหม่อีกครั้งและเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ จากนั้นนำท่านชม ยูนาร์แด๊ก หรือ ภูเขาแห่งไฟ (FIRE MOUNTAIN) ท่านจะได้ชมความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ เปลวไฟนั้นลุกไหม้ตลอดเวลามาจากก๊าซที่อยู่ใต้ดิน โดยซึมผ่านชั้นของหินทรายที่เป็นรูพลุ่งขึ้นมาเหนือพื้นดินและติดไฟได้ เนื่องจากว่าประเทศอาเซอร์ไบจานนั้นยังคงมีก๊าซธรรมชาติอย่างมากมาย
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ Hotel Corniche Baku หรือระดับเดียวกัน


วันที่สาม โกบุสตาน-เมืองเก่าบากู-คาราวานซาราย-หอคอยไมเด็น (อาเซอร์ไบจาน)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำทุกท่านเดินทางสู่ เมืองโกบุสตาน (GOBUSTAN) ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองบากู เป็นบริเวณที่มีชื่อเสียงมากที่สุดและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีการแกะสลักภาพบนหินของมนุษย์ที่งดงาม (ROCK PETROGLYPHS) และนอกจากนั้นยังมีภูเขาโคลนที่มีรูปร่างเหมือนภูเขาไฟซึ่งมีโคลนสีดำพลุ่งขึ้นมาตลอดเวลา (MUD VOLCANOES/MUD DOMES) ให้ท่านชมความสวยงามของหินภูเขาที่มีการแกะสลักภาพที่เป็นรูปต่างๆ ณ พิพิธภัณฑ์เปิด (ROCK PAINTING OPEN-AIR MUSEUM) ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.2007 เช่น ภาพการล่าสัตว์ รูปคนเต้นรำ เรือ หมู่ดาวและสัตว์ต่างๆ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร หลังจากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่เมืองบากู นำท่านชม ย่านเมืองเก่า (Baku Old City) เป็นย่านที่เก่าแก่ที่สุดและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ โดยมีกำแพงป้อมล้อมรอบและรอบกำแพงจะมีการสร้างเป็นป้อมหอคอยซึ่งมีทั้งหมด 25 แห่งและมีประตูทางเข้าออกถึง 5 แห่ง จากนั้นนำท่านชม พระราชวังแห่งราชวงศ์เชอร์วาน (Palace of Shirvansshakh’) สถานที่พำนักของกษัตริย์แห่งราชวงศ์ชีวานผู้ซึ่งครองราชย์มาอย่างยาวนาน ในช่วงศตวรรษที่ 14-17 แวะชม คาราวานซาราย (Caravansaray) เป็นที่พักแรมของกองคาราวานที่เดินทางมาค้าขายจากเอเชียในยุคของการค้าขายบนเส้นทางสายไหมที่มีความสำคัญอย่างมากในอดีต จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับ หอคอยไมเด็น (Maiden Tower) หอคอยซึ่งถือว่าเป็นส่วนที่เก่าแก่ของเมือง สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 และถูกล้อมรอบด้วยห้องอาบน้ำโบราณในยุคอดีต จากนั้นนำท่านสู่ 28 Mall Shopping Center ศูนย์การค้าที่มากไปด้วย ร้านค้าขายของแบรนด์เนมและขอพื้นเมือง รวมถึงร้านอาหาร ร้านกาแฟมากมาย อิสระให้ท่านเดินเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก  ณ Hotel Cornicle Baku หรือระดับเดียวกัน


วันที่สี่ เมืองเชมาค่า- JUMA MOSQUE-เมืองเชคี-พระราชวังเชคี-โบสถ์คิชอัลบาเนียน (อาเซอร์ไบจาน)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเชมาค่า ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเป็นศูนย์กลางการปกครองของจังหวัดเชมาค่า นำท่านชม JUMA MOSQUE มัสยิดเก่าแก่ ตั้งอยู่ใจกลางเขตเมืองเก่าเป็นมัสยิดที่สวยงาม สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 ภายในตกแต่งและประดับดาด้วยหินและโมเสก รวมทั้งโดมที่มีความสวยงาม มีห้องสวดมนต์แยกต่างหากสาหรับสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ มัสยิดแห่งนี้ได้รับการช่วยเหลือจากการถูกทำลายและถูกเปลยี่นเป็นพิพิธภัณฑ์ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเชคี ซึ่งแนเมืองหนึ่งที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศอาเซอร์ไบจาน เป็นเมืองศูนย์กลางการปกครองของจังหวัดเชคี ตั้งอยู่ในบริเวณเทือกเขาคอเคซัสใหญ่และอยู่ติดกับจอร์เจีย เมืองแห่งนี้เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยภูเขา ช่องเขาที่แคบพร้อมทั้งมีลำธารน้ำไหลและป่าเขาที่เขียวชอุ่มที่ชุ่มชื้นไปด้วยน้ำ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนําท่านชม พระราชวัง PALACE OF SHAKI KHANS อนุสรณ์สถานที่ทรงคุณค่าของเชกิ สร้างขึนในปีค.ศ.1761-1762 ใช้เป็น ที่ประทับของข่านมุชตาด เป็นพระราชวังสองชั้นตกแต่งด้วยภาพวาดสีเฟรสโก้อันงดงาม และงานกระจกสีอันงดงามที่เรียกว่า Shebeke งดงามทั้งภายในและภายนอก บางส่วนของจิตรกรรมฝาผนังมีลายดอกไม้นานาพันธุ์และภาพที่แสดงถึงการล่าสัตว์โบราณหรือ การต่อสู้ การสร้างต้นแบบของพระราชวังใช้อิฐหินแม่น้ำและต้นโอ๊กหน้าต่างประดับกระจกหลากสี ลวดลายเรขาคณิตและหินฉลุลวดลวดลายแบบอิสลามิค มีความงดงามมาก พระราชวงัแห่งนี้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปีค.ศ.1998 จากนั้นนำท่านชม คาราวานซาราย (Caravansaray) เป็นที่พักแรมของกองคาราวานที่เดินทางมาค้าขายจากเอเชียในยุคของการค้าขายบนเส้นทางสายไหมที่มีความสำคัญอย่างมากในอดีต จากนั้นนำท่านเดินทางสู่หมูบ้านคิช และนำท่านชม โบสถ์คิชอัลบาเนียน เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญของคนที่นับถือศาสนาคริสต์ของชาวคอเคเชียอัลเบเนีย เนื่องจากชาวอาเซอร์ไบจานส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม นักประวัติศาสตร์ได้สันนิษฐานว่าสถานที่แห่งนี้ครั้งหนึ่งเคยถูกเปลี่ยนให้เป็นที่พักอาศัยของบิชอบแห่งจอร์เจียตั้งแต่ศตวรรษที่ 17
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ Sheki Park Hotel หรือระดับเดียวกัน

วันที่ห้า เมืองลาโกเดกิ-เมืองซิกนากิ-เขตควาเรลี-เมืองทบิลิซี (อาเซอร์ไบจาน-จอร์เจีย)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำาท่านเดินทางสู่ เมืองลาโกเดกิ พรมแดนของระหว่าง 2 ประเทศ จอร์เจียและอาเซอร์ไบจาน หลังจากขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อย นำท่านเดินทางต่อไปยัง เมืองซิกนากิ ของประเทศจอร์เจีย ได้รับฉายาว่าเป็นเมืองแห่งความรัก ด้วยทัศนียภาพที่สวยงามของหุบเขาอะลาซาลี่และเทือกเขาคอเคซัส เมืองแห่งนี้มีชื่อเสียงในการผลิตพรมและวัตถุดิบในการทำอาหารมากมายที่มีส่วนสำคัญของประเทศจอร์เจีย รวมถึงเป็นแหล่งปลูกองุ่นชั้นดี จึงทำให้เมืองนี้มีชื่อเสียงในเรื่องของการผลิตไวน์

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร นำท่านสู่ เขตควาเรลี Kvareli ที่แปลว่า “ไวน์” ของแคว้นคาเคติ ที่เป็น 1ในเขตที่เป็นแหล่งผลิตไวน์ของจอร์เจีย ที่นี่มีดินสภาพอากาศเหมาะต่อการปลูกองุ่นสำหรับไวน์ โดยมีการขุดอุโมงค์สกัดเข้าไปในภูเขา เพื่อให้เป็นที่เก็บไวน์ในอุณหภูมิเหมาะสม หลังจากนั้นให้ท่านได้มีโอกาส ลิ้มรสไวน์ชั้นดี คูวาเรลีไวน์ ถึงเวลาอันสวมควรนำท่านเดินทางสู่เมืองหลวงของประเทศจอร์เจียร์ เมืองทบิลิซี (Tbilisi) เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ตั้งอยู่ระหว่างสองฝั่งแม่น้ำ คูรา Kuraหรือแม่น้ำซควารี Mtkvari ในภาษาถิ่น ก่อตั้งในราวศตวรรษที่ 5 เป็นเมืองหลวงสุดท้ายของอาณาจักรไอบีเรีย ที่อยู่รอดท่ามกลางสองอาณาจักรโรมัน และแซสซานิค
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ Gallery Palace Hotel หรือระดับเดียวกัน


วันที่หก เมืองมิสเคต้า-วิหารจวารี-วิหารสเวติสเคอเวรี-ป้อมอนานูรี-เมืองคาซเบกี้-โบสถ์เกอร์เกตี้ (จอร์เจีย)
 เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม หลังจากนั้นนำท่านออกเดินทางไปยัง เมืองมิสเคต้า (Mtskheta) ที่ตั้งอยู่ทางด้านเหนือห่างจากกรุงทบิลิซีประมาณ 20กม. ในจังหวดคาร์ทลี่ ทางด้านตะวันออกของจอร์เจียเมืองนี้นับ ว่าเป็นเมืองที่มีความเก่าแห่งหนึ่งของประเทศ และในปัจจุบันเป็นศูนย์กลางการปกครองของแคว้นมคสเคต้า และเทียนิตี้มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 20,000 คน เนื่องจากมีโบราณสถานทางด้านประวัติศาสตร์มากมายหลายแห่งจึงได้รับการขั้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1994 จากนั้นนำทุกท่านชม วิหารจวารี(Jvari Monastery)  ซึ่งเป็นวิหารในรูปแบบของคริสต์ศาสนาออร์โธด๊อกที่ถูกสร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 6 วิหารแห่งนี้ตั้งอยู่บนภูเขาที่มีแม่น้ำสองสายไหลมาบรรจบกันคือ แม่น้ามิควารีและแม่น้ำอรักวีและถ้ามองออกไปข้ามเมืองมิสเคต้าไปยังบริเวณที่กว้างใหญ่ซึ่งในอดีตเคยเป็นอาณาจักรของไอบีเรีย (Kingdom of Iberia) ซึ่งได้เคยปกครองดินแดนในบริเวณนี้ตั้งแต่ 400 ปีก่อนคริสตกาลจนถึงราวคริสต์ศตวรรษที่ 5 จากนั้นนำท่านชม วิหารสเวติสเคอเวรี (Svetitkhoveli Cathedral) ซึ่งคำว่า Sveti หมายถึง "เสา" และ Tskhoveli หมายถึง "ชีวิต" เรียกง่ายๆรวมกันก็คือวิหารเสามีชีวิต สร้างราวศตวรรษที่ 11 โบสถ์แห่งนี้ถือเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่ศักด์สิทิธิ์ที่สุดของจอร์เจีย สร้างขึ้นโดยสถาปนิกชาวจอร์เจีย มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศอีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางที่ทำให้ชาวจอร์เจียเปลี่ยนความเชื่อและหันมานับถือศาสนาคริสต์

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร หลังจากนั้นเข้าชม ป้อมอนานูรี (Ananuri Fortress) ป้อมปราสาทตั้งอยู่ริมฝั่งซ้ายของ แม่น้ำอรักวีเป็นที่ประทับของ เอริสตาวิส หรือ ดยุคแห่งอรักวีราชวงศ์ศักดินาผู้ปกครองดินแดนลุ่มแม่น้ำอรักวีและเป็นสมรภูมิรบแย่งชิงอำนาจกับเจ้าปกครองแคว้นอื่น ๆ หลายครั้ง ภายในป้อมปราการประกอบไปด้วยปราสาท 2 หลัง โบสถ์ 2 แห่งคือ โบสถ์แม่พระผู้พรหมจรรย์และโบสถ์แม่พระเสด็จขึ้นสวรรค์ (อัสสัมชัญ) และที่ฝังศพของดยุคแห่งอรักวีซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบจอร์เจีย หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองกูดาอูรี (Gudauri) โดยเดินทางไปยังเส้นทางหลวงสายสำคัญที่มีชื่อว่า Georgian Military Highway เส้นทางสำหรับใช้ในด้านทหาร ถนนสายนี้เป็นถนนสายสำคัญที่สุดที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยที่จอร์เจียอยู่ภายใต้การควบคุมจากสหภาพโซเวียด เพื่อใช้เป็นเส้นทางหลักในการข้ามเทือกเขาคอเคซัสจากรัสเซียมายังที่ภูมิภาคนี้ จากนั้นท่านเดินทางต่อไปยังเมืองคาซเบกี้ (Kazbegi) หรือปัจจุบันเรียกว่า เมืองสเตปันสมินดา (Stepansminda) ชื่อนี้เพิ่งเปลี่ยนเมื่อปี 2006 หลังจากนักบุญนิกายออร์โธด๊อก ชื่อสเตฟาน ได้มาพำนักอาศัยและก่อสร้างสถานที่สำหรับจำศีลภาวนาขึ้น เมืองนี้อยู่ห่างจากเมืองหลวงทบิลิซีประมาณ 157 กิโลเมตร เป็นเมืองเล็กๆตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเทอร์กี้ถือเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวบนเทือกเขาคอเคซัส (Caucasus) ที่สำคัญของประเทศจอร์เจีย มีภูมิทัศน์ที่สวยงามโดยรอบ รวมทั้งเป็นจุดชมวิวของยอดเขาคาซเบกี้อีกด้วย จากนั้นนำท่านขึ้นรถ 4WD (รถขับเคลื่อน 4 ล้อ) เพื่อเข้าสู่ใจกลางหุบเขาคอเคซัส (Caucasus) นำท่านชมความสวยงามของโบสถ์เกอร์เกตี้ (Gergeti Trinity Church) หรือเรียกว่าโบสถ์สมินดา ซาเมบา (Tsminda Sameba) สร้างด้วยหินแกรนิตขนาดใหญ่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 เป็นโบสถ์ชื่อดังกลางหุบเขาคอเคซัส ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญหนึ่งของประเทศจอร์เจีย ตั้งอยู่บนเทือกเขาคาซเบกี้ที่ระดับความสูงจากน้ำทะเล 2,170 เมตรทิศใต้ ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำดานูบ เมืองมีการผลิตเหล็กกล้า เครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ยาสูบ เมืองนี้พัฒนามาจากค่ายสมัยโรมัน เป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญในคริสต์ศตวรรษที่ 13 (*ในกรณีที่มีหิมะตกหนัก จนไม่สามารถเดินทางได้ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ปรับเปลี่ยนโปรแกรมตามความเหมาะสม*) จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ เมืองทบิลิซี (TBILISI) 
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ Gallery Palace Hotel หรือระดับเดียวกัน


วันที่เจ็ด โบสถ์ตรีนิตี้-ป้อมปราการนาริคาล่า-ทบิลิซี เคเบิ้ลคาร์-สนามบิน (จอร์เจีย-ยูเออี)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเที่ยวชม เมืองทบิลิซี เมืองที่มีเนื้อที่ประมาณ 372 ตร.กม.และมีประชากร1,093,000 คน เมืองนี้ถูกสร้างโดย กษัตริย์วาคตัง จอร์กาซาลี (Vakhtang Gorgasali) กษัตริย์จอร์เจียแห่งคาร์ตลีได้ก่อตั้งเมืองนี้ขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 4 เมืองทบิลิซิเป็นศูนย์กลางการทำอุตสาหกรรม สังคมและวัฒนธรรมในภูมิภาคคอเคซัส ในประวัติศาสตร์เมืองนี้อยู่ในสายทางหนึ่งของเส้นทางสายไหม และปัจจุบันยังมีบทบาทสำคัญในฐานะศูนย์กลางการขนส่งและการค้า เนื่องจากความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ในแง่ที่ตั้งที่เป็นจุดติดระหว่างทวีปเอเชียกับทวีปยุโรป นำท่านชม โบสถ์ตรีนิตี้ (Holy Trinity Cathedral Of Tbilisi) หรือ ซามีบา (Sameba Chthedral) มีความหมายว่า โบสถ์พระตรีเอกานุภาพศักดิ์สิทธิ์แห่งกรุงทบิลิซี หรือ อารามซามีบา ชื่อเรียกของคนท้องถิ่น เป็นวิหารหลักของชาวคริสต์นิกายจอร์เจียนออร์โธด็อกซ์ในกรุงทบิลิซีก่อสร้างขึ้นระหว่างปีค.ศ.1995  -2004 ใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของศาสนสถานในนิกายออร์โธด๊อกซ์ตะวันออกทั่วโลกแม้จะมีอายุไม่มากแต่ก็เป็นโบสถ์ตัวอย่างของสถาปัตยกรรมแบบจอร์เจียนท้องถิ่นที่มีรูปแบบทางศิลปะจากไบแซนไทน์โบสถ์เป็น  อาคารขนาดใหญ่ที่ โดดเด่นมาก จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ป้อมปราการนาริคาล่า (Narikala Fortress) โดยกระเช้าไฟฟ้า เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญ เป็นป้อมที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 4 บนเนินเขาเหนือเมืองเก่าทบิลิซีเพื่อใช้ในการป้องเมืองของตัวเองจากศัตรูภายนอกและค่อยๆมีการขยายอณาเขตมาภายหลังจนเสร็จสมบูรณ์ ปัจจุบันสภาพของป้อมยังมีสภาพความเสียจากแผ่นดินไหวเมื่อปี ค.ศ. 1827 ถึงยังไงก็ตามสถานที่นี้เป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวเนื่องจากสามารถมองชมเมืองหลวงทบิลิซิได้อย่างทั่วถึง

 

 

 

 

 


เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ สนามบินทบิลิซี
16.55 น. ออกเดินทางสู่เมืองดูไบ โดยสายการบินฟลาย ดูไบ เที่ยวบินที่ EK2199 
 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)
20.15 น. เดินทางถึงเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะเปลี่ยนเครื่อง
22.35 น. ออกเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ EK 374
(บริการอาหารและ เครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

วันที่แปด ดูไบ-กรุงเทพฯ (ยูเออี-ไทย)
 07.35 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ  โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ 

maiden-tower-1.jpg
Baku.jpg
Narikala Castle in Tbilisi.jpg
Juma Mosque.jpg
เมืองทบิลิซี.jpg
โบสถ์เกอร์เกตี้1.jpg
bottom of page