top of page

วันแรก กรุงเทพฯ (ไทย)

18.00 น. พร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 ประตู 9 แถว T สายการบินเอมิเรตส์ (EK) เจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับพร้อมอำนวยความสะดวก

21.05 น. ออกเดินทางสู่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 373 (æบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

วันที่สอง ดูไบ–มิวนิค–สนามฟุตบอลอัลลิอันซ์ อารีน่า–BMW WELT-พระราชวังนิมเฟนบูร์ก-จัตุรัสมาเรียน (ยูเออี–เยอรมนี)

00.50 น. ถึงสนามบินเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะเปลี่ยนเครื่อง  

04.05 น. เดินทางสู่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 53

(บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

08.35 น. ถึงสนามบินเมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่เมืองมิวนิค นำท่านถ่ายรูปด้านหน้า สนามฟุตบอลอัลลิอันซ์ อารีน่า เป็นสนามเหย้าของสโมสรทีมฟุตบอล บาเยิร์น มิวนิค ทีมประจำเมืองมิวนิค ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเมืองมิวนิก เริ่มก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2545 และเสร็จสมบูรณ์เปิดใช้งานเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 รวมค่าก่อสร้างทั้งหมด 340 ล้านยูโร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ BMW WELT อาคารสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ ที่ออกแบบเป็นรูปเมฆภายในจัดแสดงรถยนต์รุ่น ใหม่ทุกรุ่นของบีเอ็มดับบลิว อิสระท่านเลือกซื้อของที่ระลึกของบีเอ็มและมินิคูเปอร์

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร นำท่านถ่ายรูปบริเวณด้านหน้า พระราชวังนิมเฟนบูร์ก (Nymphenburg Palace)  เป็นวังฤดูร้อนของพระราชวงศ์ผู้ปกครองบาวาเรีย ผู้ริเริ่มสร้างปราสาทคือเฟอร์ดินานด์ มาเรีย เจ้าชาย อีเล็คเตอร์แห่งบาวาเรียและเฮ็นเรียตตา อเดลเลดแห่งซาวอย ตามแบบของสถาปนิกอากอสติโนบาเรลลิในปี ค.ศ. 1664 หลังจากทรงมี พระโอรสองค์แรก ส่วนกลางของวังสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1675 จากนั้นนำท่านผ่านชมสถานที่สำคัญๆ อาทิ พระราชวังหลวงเรสซิเด้นท์ ฯลฯ จากนั้นนำท่านสู่บริเวณ จัตุรัสมาเรียน ย่านเมืองเก่าที่มีสถาปัตยกรรมอันเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของมิวนิค เซ่น ศาลาว่าการเก่า  ในรูปแบบศิลปะโกธิค, หอคอยของโบสถ์แม่พระที่มีรูปแบบคล้ายหัวหอมใหญ่ อิสระให้ทุกท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัย อิสระอาหารค่ำเพื่อความต่อเนื่องในการเลือกซื้อสิ้นค้าและท่องเที่ยวตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก ã ณ Tryp by Wyndham Rosenheim หรือระดับเดียวกัน

วันที่สาม หมู่บ้านเพรียนอัมคีมซี-พระราชวังแฮร์เรินคีมเซ-อินส์บรูค (เยอรมนี - ออสเตรีย)

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านเพรียน อัม คีมซี (PRIEN AM CHIEMSEE) เมืองท่องเที่ยวที่สำคัญในเขตภูมิภาคทะเลสาบคิมเซ่ เพื่อนำท่านล่องเรือสู่ พระราชวังแฮร์เรินคีมเซ (HERRENCHIEMSEE) จากนั้นนำท่านเข้าชม พระราชวังแฮร์เรินคีมเซ (HERRENCHIEMSEE)

หนึ่งในพระราชวังสุดอลังการที่สร้างโดยกษัตริย์ลุดวิกที่สอง เป็นพระราชวังที่สร้างอยู่บนเกาะในทะเลสาบคีมเซ (Chiemsee) สร้างเลียนแบบพระราชวังแวร์ซายส์ (Château de Versailles) ของฝรั่งเศสทั้งภายในและภายนอก เนื่องจากกษัตริย์ลุดวิกที่สองแห่งบาวาเรียนี้ มีความนิยมชมชอบในตัว พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสเป็นอย่างมาก จึงสร้างพระราชวังแห่งนี้ขึ้นมาเสมือนเป็นอนุสรณ์สำหรับพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 พระราชวังแห่งนี้จึงดูคล้ายพระราชวังแวร์ซายส์ อีกทั้งยังได้สร้างพระราชวังแห่งนี้ให้มีความทันสมัยกว่าพระราชวังแวร์ซายส์ มีน้ำประปา น้ำพุ  ห้องน้ำ ห้องส้วม  และระบบทำน้ำร้อนในอ่างอาบน้ำอีกด้วย แต่เนื่องจากกษัตริย์ลุดวิกที่สองได้เสด็จสวรรคตไปก่อน จึงทำให้ห้อง 50-70 ห้องในพระราชวังแห่งนี้ตกแต่งไม่เสร็จ นำท่านเดินชมความงดงามภายในพระราชวัง จากนั้นนำท่านนั่งเรือกลับสู่ ท่าเรือเมืองพรีน  

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองอินส์บรูค (Innsbruck) เป็นเมืองหลวงของแคว้นทีโรล เป็นเมืองเอกด้านการท่องเที่ยวของประเทศออสเตรีย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอินซึ่งคำว่า “อินส์บรูคนั้น” แปลว่า สะพานแห่งแม่น้ำอินมีลักษณะแคบๆ แทรกตัวอยู่ระหว่างเทือกเขาแอลป์ จากนั้นนำท่านเที่ยวชม ย่านเมืองเก่าอินส์บรูค ที่ยังคงสภาพและบรรยากาศของยุคกลางได้เป็นอย่างดี อาคารบ้านเรือนที่มีอาร์คเดคชั้นล่างและมีมุขยื่นออกมาที่ชั้นบน แสดงให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมแบบโกธิคตอนปลายและเรอเนสซองส์ นำท่านถ่ายรูป หลังคา ทองคำ (Goldenes Dachl) เป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมืองอินส์บรูค ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิ Friedrich ที่ 4 ในช่วงต้นศตวรรษที่ 15 สำหรับเป็นที่ประทับของผู้ปกครองแคว้นทิโรล ต่อมาจักรพรรดิ Maximilian จากนั้นอิสระให้ท่านเดินเล่นบน ถนนมาเรียเทเรซ่า ถนนสายหลักของเมืองอินบรูคส์ เชื่อมระหว่างเขตเมืองเก่ากับย่านช้อปปิ้งสมัยใหม่ ตรงกลางถนนเป็นที่ตั้งของ เสาอันนาซอยแล (เสานักบุญแอนน์) ซึ่งตั้งขึ้นเพื่อรำลึกถึงการถอนกองกำลังทหารบาวาเรียออกไปจากเมืองในช่วงสงคราม

ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก ã ณ Alpin Park หรือระดับเดียวกัน

วันที่สี่ อินศ์บรูค–โดโลไมท์–ทะเลสาบมิซูรินา-คอร์ติน่า ดอมปาสโซ่–เมืองออร์ติเซ่ (ออสเตรีย-อิตาลี )

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบมิซูรินา Misurina Lake อีกหนึ่งทะเลสาบชื่อดังใน อุทยานแห่งชาติโดโลไมท์ ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 1,754 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งมีความโด่งดังเรื่องภาพวิวภูเขาสะท้อนน้ำในวันฟ้าใสหรือแม้แต่ในช่วงฤดูหนาวก็มีความสวยงามอีกรูปแบบหนึ่ง จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง คอร์ติน่า ดอมปาสโซ่ (CORTINA D’AMPEZZO) เมืองสกีรีสอร์ท ที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติเทือกเขาโดโลไมท์ เป็น BEST OF THE ALPS เพียงแห่งเดียวของอิตาลีที่ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 10 สกีรีสอร์ทที่ดีที่สุดในโลก เคยใช้เป็นสถานที่จัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในปี 1956 และเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ เจมส์ บอนด์ 007 ตอน FOR YOUR EYE ONLY เมืองนี้อยู่สูง จากน้ำทะเล 1,219 เมตร ได้รับการขนานนามว่าเป็น ไข่มุกแห่งเทือกเขาโดโลไมท์ เป็นสถานที่ตากอากาศตลอดปีของชนชั้นสูง

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองออร์ติเซ่ เมืองหน้าด่านก่อนที่จะเดินทางเข้าสู่ อุทยานโดโลไมท์ รอบล้อมด้วยหุบเขามากมาย จึงเป็นเมืองที่พักตากอากาศที่มีชื่อเสียงแห่งนึงของอิตาลี จากนั้นนำคณะเดินทางผ่านเส้นทางสายไวน์ South Tyrolean Wine Road สองข้างทางเป็นไร่องุ่นและไร่แอปเปิล ท่านจะผ่านเมืองโบลซาโน (Bolzano) เมืองที่ถือว่าเป็นประตูสู่อุทยานแห่งชาติโดโลไมท์ โบลซาโนเป็นเมืองหลวงของภูมิภาคทีโรลใต้ (South Tyrol) เมืองเล็กๆ ที่มีเสน่ห์น่าหลงใหลในศิลปะและวัฒนธรรม ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่คนมีความสุขที่สุด Top 5 ของประเทศอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลีเนื่องด้วยความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรทางธรรมชาติและอากาศที่บริสุทธ์ทำให้เมืองนี้เป็นเมืองที่เป็นแหล่งผลิตผลไม้ที่ใหญ่ที่สุด

ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร เข้าสู่ที่พัก ã ณ Hotel NH Trento หรือระดับเดียวกัน

วันที่ห้า เวโรน่า–บ้านจูเลียต-ซีร์มิโอเน่–ทะเลสาบการ์ดา-กรุงมิลาน (อิตาลี) 

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เวโรน่า (Verona) หนึ่งในหัวเมืองใหญ่ของแคว้นและเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3ทางภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลีและยังเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของอิตาลีตอนเหนืออีกด้วย นำท่านเที่ยวชมย่านเมืองเก่าที่ยังคงเสน่ห์ของความเป็นเมืองยุคกลางไว้ได้อย่างครบถ้วนเมืองเวโรน่าแห่งนี้ยังมีชื่อเสียงด้วยการเป็นเมืองโลเกชั่นของวรรณกรรมชื่อดังอย่าง โรมิโอแอนด์จูเลียต นำท่านชม บ้านจูเลียต (Casa di Giulietta)  บ้านปูนสีขาวที่มีจุดเด่นคือ ระเบียง สถานที่ๆ โรมิโอและจูเลียตได้พบรักกัน จุดนี้เองที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายมายังเมืองเวโรน่า เพื่อชมต้นกำเนิดของตำนานความรักชื่อดังอิสระอาหารกลางวันเพื่อความต่อเนื่องในการเลือกซื้อสิ้นค้าและท่องเที่ยวตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองซีร์มิโอเน่ (SIRMIONE) เมืองปราสาทเก่าแก่ห้อมล้อมด้วย ทะเลสาบการ์ดา มีลักษณะเมืองเป็นแหลมยื่นเข้าไปในทะเลสาบการ์ดาที่สวยงามมีมาก่อนศตวรรษที่ 15 ซีร์มิโอเน่อยู่ภายใต้การปกครองของเมืองเวนิส หรือจะเรียกได้ว่าเป็นอาณาบริเวณหนึ่งของ เมืองเวนิส เพราะสมัยนั้นเมืองต่างๆในประเทศอิตาลียังไม่ได้รวมตัวกันต่างเป็นเอกเทศปกครองตนเองแถมมีการทำสงครามเพื่อแย่งชิงเมืองซีร์มิโอเน่เลยเป็นเมืองที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนานที่สำคัญมีหลักฐานและร่องรอยทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคสมัยโรมันทั้งกำแพงเมืองที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อป้องกัน สงครามในอดีตเคยเป็นเมืองที่มีผู้คนที่มีฐานะในยุคสมัยโรมันใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ปัจจุบันจึงกลายเป็นเมืองพักผ่อนริมทะเลสาบการ์ดา ชมความสวยงามของวิวทิวทัศน์ของทะเลสาบ ซี่งเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่เกิดจากน้ำแข็งละลายจากเทือกเขาแอลป์ ดังนั้นซีร์มิโอเน่ จึงถูกล้อมรอบด้วยทะเลสาบทั้งสองด้าน ถึงแม้จะเป็นเพียงเมืองเล็กๆ แต่มีเสน่ห์ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาพักผ่อนตลอดทั้งปี จากนั้นนำท่านถ่ายภาพด้านหน้า ปราสาทเก่าแก่ของเมือง (THE SCALLGER OF SIRMIONE) สร้างในปี 1277 ซึ่งเมืองนี้เคยอยู่ในการปกครองของตระกูล SCALIGER จากนั้นเดินเล่นชมเมืองเก่าชิมไอศรีมเจลาโต้ที่มีชื่อเสียงของอิตาลี หลากหลายร้านและของที่ระลึกอื่นๆ อีกมากมาย ให้ท่านอิสระ  จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง มิลาน (Milan) หนึ่งในเมืองหลักของประเทศอิลาลี เป็นศูนย์กลางทั้งด้านการค้า ศิลปะ เศรษฐกิจ และการศึกษาได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งแฟชั่นและการออกแบบ

ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร เข้าสู่ที่พัก ã ณ Klima Hotel Milano Fiere หรือระดับเดียวกัน

วันที่หก มิลาน–มหาวิหารดูโอโม่–โคโม-สนามบิน (อิตาลี-ดูไบ)

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม หลังจากนั้นนำท่านเข้าสู่ เมืองมิลาน หรือ มิลาโน่ มีชื่อเสียงในด้านแฟชั่น ศิลปะ และเครื่องหนัง เป็นเมืองแห่งแฟชั่นสำคัญเมืองหนึ่งของโลก ในลักษณะเดียวกับ นิวยอร์ก ปารีส ลอนดอน “มิลาน”เป็นเมืองหลวงของแคว้นลอมบาร์เดียในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลอมบาร์ดี ชื่อเมืองมิลานมาจากภาษาเซลต์คำว่า MID-LAN มีประชากรประมาณ1,308,500 คน และมีชื่อเสียงเกี่ยวกับประเพณีคริสต์มาสที่เรียกว่า“ปาเนตโตเน” อุตสาหกรรม ผ้าไหม และแหล่งผลิตรถยนต์ อัลฟา โรมีโอ รวมไปถึงสโมสรฟุตบอลอินเตอร์มิลานและสโมสรฟุตบอลเอซีมิลาน,มีภาพวาดเฟรสโก้ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง,โรงละครโอเปร่า หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ปิอาซซ่า เดล ดูโอโม่ (Piazza Del Duomo) ซึ่งเป็นที่ตั้งของ มหาวิหารแห่งเมืองมิลาน หรือที่เรียกว่าดูโอโม่ (DUOMO)ชื่อนี้ไว้ใช้เรียกมหาวิหารประจำเมือง สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1386 แล้วเสร็จ 400 กว่าปีหลังจากนั้น ด้านนอกเป็นยอดแหลม 135 ยอด จึงมีชื่อเรียกว่า "มหาวิหารเม่น" มีรูปสลักหินอ่อนจากยุคต่างๆ ประดับอยู่กว่าสามพันรูป บนยอดของมหาวิหารมีรูปปั้นทองขนาด 4 เมตร ของพระแม่มาดอนน่า และบริเวณนั้นยังเป็นศูนย์กลางแหล่งชุมนุมของผู้คนมาทุกยุคสมัย อิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปตามอัธยาศัยและช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม ซึ่งมีจำหน่ายมากมายในบริเวณ กัลเลเรีย วิตโตรีโอ เอมานูเอล อิสระอาหารกลางวันเพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยวและให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าของที่ระลึกหรือสินค้าพื้นเมืองตามอัธยาศัย หลังจาก นั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองโคโม่ เป็นเมืองในแคว้นลอมบาร์เดีย ตั้งอยู่บริเวณพรมแดนกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โคโมเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในเทือกเขาแอลป์ ทิศเหนือของเมืองอยู่ติดกับทะเลสาบโคโม โคโมเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่ง เป็นแหล่งรวมชิ้นงานศิลปะชื่อดัง, มีโบสถ์, พิพิธภัณฑ์, สวน, โรงละคร, วังเก่าอยู่มากมาย โดยในปี 2013 โกโมมีจำนวนผู้มาพำนักค้างคืนถึง 215,000 คน ถือเป็นเมืองที่มีผู้มาเยือนมากที่สุดเป็นอันดับสี่ของแคว้นลอมบาร์เดียรองจากมิลาน, แบร์กาโม และเบรชชา สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่สนามบิน

22.20 น. ออกเดินทางสู่ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 58

(บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

วันที่เจ็ด ดูไบ–กรุงเทพ (ยูเออี–ไทย)

06.25 น. เดินทางถึงเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะเปลี่ยนเครื่อง

09.40 น. ออกเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบิน เอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 372           

(บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

18.55 น.เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ

12 มีนาคม - 7 กรกฏาคม 2563

วันเดินทาง

สายการบินเอมิเรตส์ (Emirates)

สายการบิน

รหัส : Ek030

โปรแกรมทัวร์ : เยอรมัน ออสเตรีย อิตาลี 7 วัน 4 คืน

รายละเอียดโปรแกรม :  มิวนิค จัตุรัสมาเรียนพลัส อินส์บรุค เมืองโบลซาโน่ ออร์ติเซ่ ทะเลสาบมิซูริน่า เมืองซีร์มิโอเน่ เวโรน่า 

กรุงมิลาน เมืองโคโม่

ราคาเริ่มต้น : 40,900 TH

line-logo.png

ดาวน์โหลดใบสั่งจองโปรแกรมทัวร์

** รายการทัวร์ทางหน้าเว็บไซต์ เป็นการนำเสนอรายการเบื้องต้นเท่านั้น กรุณาติดต่อแผนกเซลล์ เพื่อขอรายการทัวร์ทุกครั้ง

2

1

3

4

6

5

7

วันแรก กรุงเทพฯ (ไทย)

18.00 น. พร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 ประตู 9 แถว T สายการบินเอมิเรตส์ (EK) เจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับพร้อมอำนวยความสะดวก

21.05 น. ออกเดินทางสู่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 373 (æบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

วันที่สอง ดูไบ–มิวนิค–สนามฟุตบอลอัลลิอันซ์ อารีน่า–BMW WELT-พระราชวังนิมเฟนบูร์ก-จัตุรัสมาเรียน (ยูเออี–เยอรมนี)

00.50 น. ถึงสนามบินเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะเปลี่ยนเครื่อง  

04.05 น. เดินทางสู่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 53

(บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

08.35 น. ถึงสนามบินเมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่เมืองมิวนิค นำท่านถ่ายรูปด้านหน้า สนามฟุตบอลอัลลิอันซ์ อารีน่า เป็นสนามเหย้าของสโมสรทีมฟุตบอล บาเยิร์น มิวนิค ทีมประจำเมืองมิวนิค ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเมืองมิวนิก เริ่มก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2545 และเสร็จสมบูรณ์เปิดใช้งานเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 รวมค่าก่อสร้างทั้งหมด 340 ล้านยูโร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ BMW WELT อาคารสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ ที่ออกแบบเป็นรูปเมฆภายในจัดแสดงรถยนต์รุ่น ใหม่ทุกรุ่นของบีเอ็มดับบลิว อิสระท่านเลือกซื้อของที่ระลึกของบีเอ็มและมินิคูเปอร์

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร นำท่านถ่ายรูปบริเวณด้านหน้า พระราชวังนิมเฟนบูร์ก (Nymphenburg Palace)  เป็นวังฤดูร้อนของพระราชวงศ์ผู้ปกครองบาวาเรีย ผู้ริเริ่มสร้างปราสาทคือเฟอร์ดินานด์ มาเรีย เจ้าชาย อีเล็คเตอร์แห่งบาวาเรียและเฮ็นเรียตตา อเดลเลดแห่งซาวอย ตามแบบของสถาปนิกอากอสติโนบาเรลลิในปี ค.ศ. 1664 หลังจากทรงมี พระโอรสองค์แรก ส่วนกลางของวังสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1675 จากนั้นนำท่านผ่านชมสถานที่สำคัญๆ อาทิ พระราชวังหลวงเรสซิเด้นท์ ฯลฯ จากนั้นนำท่านสู่บริเวณ จัตุรัสมาเรียน ย่านเมืองเก่าที่มีสถาปัตยกรรมอันเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของมิวนิค เซ่น ศาลาว่าการเก่า  ในรูปแบบศิลปะโกธิค, หอคอยของโบสถ์แม่พระที่มีรูปแบบคล้ายหัวหอมใหญ่ อิสระให้ทุกท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัย อิสระอาหารค่ำเพื่อความต่อเนื่องในการเลือกซื้อสิ้นค้าและท่องเที่ยวตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก ã ณ Tryp by Wyndham Rosenheim หรือระดับเดียวกัน

วันที่สาม หมู่บ้านเพรียนอัมคีมซี-พระราชวังแฮร์เรินคีมเซ-อินส์บรูค (เยอรมนี-ออสเตรีย)

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านเพรียน อัม คีมซี (PRIEN AM CHIEMSEE) เมืองท่องเที่ยวที่สำคัญในเขตภูมิภาคทะเลสาบคิมเซ่ เพื่อนำท่านล่องเรือสู่ พระราชวังแฮร์เรินคีมเซ (HERRENCHIEMSEE) จากนั้นนำท่านเข้าชม พระราชวังแฮร์เรินคีมเซ (HERRENCHIEMSEE)

หนึ่งในพระราชวังสุดอลังการที่สร้างโดยกษัตริย์ลุดวิกที่สอง เป็นพระราชวังที่สร้างอยู่บนเกาะในทะเลสาบคีมเซ (Chiemsee) สร้างเลียนแบบพระราชวังแวร์ซายส์ (Château de Versailles) ของฝรั่งเศสทั้งภายในและภายนอก เนื่องจากกษัตริย์ลุดวิกที่สองแห่งบาวาเรียนี้ มีความนิยมชมชอบในตัว พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสเป็นอย่างมาก จึงสร้างพระราชวังแห่งนี้ขึ้นมาเสมือนเป็นอนุสรณ์สำหรับพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 พระราชวังแห่งนี้จึงดูคล้ายพระราชวังแวร์ซายส์ อีกทั้งยังได้สร้างพระราชวังแห่งนี้ให้มีความทันสมัยกว่าพระราชวังแวร์ซายส์ มีน้ำประปา น้ำพุ  ห้องน้ำ ห้องส้วม  และระบบทำน้ำร้อนในอ่างอาบน้ำอีกด้วย แต่เนื่องจากกษัตริย์ลุดวิกที่สองได้เสด็จสวรรคตไปก่อน จึงทำให้ห้อง 50-70 ห้องในพระราชวังแห่งนี้ตกแต่งไม่เสร็จ นำท่านเดินชมความงดงามภายในพระราชวัง จากนั้นนำท่านนั่งเรือกลับสู่ ท่าเรือเมืองพรีน

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองอินส์บรูค (Innsbruck) เป็นเมืองหลวงของแคว้นทีโรล เป็นเมืองเอกด้านการท่องเที่ยวของประเทศออสเตรีย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอินซึ่งคำว่า “อินส์บรูคนั้น” แปลว่า สะพานแห่งแม่น้ำอินมีลักษณะแคบๆ แทรกตัวอยู่ระหว่างเทือกเขาแอลป์ จากนั้นนำท่านเที่ยวชม ย่านเมืองเก่าอินส์บรูค ที่ยังคงสภาพและบรรยากาศของยุคกลางได้เป็นอย่างดี อาคารบ้านเรือนที่มีอาร์คเดคชั้นล่างและมีมุขยื่นออกมาที่ชั้นบน แสดงให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมแบบโกธิคตอนปลายและเรอเนสซองส์ นำท่านถ่ายรูป หลังคา ทองคำ (Goldenes Dachl) เป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมืองอินส์บรูค ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิ Friedrich ที่ 4 ในช่วงต้นศตวรรษที่ 15 สำหรับเป็นที่ประทับของผู้ปกครองแคว้นทิโรล ต่อมาจักรพรรดิ Maximilian จากนั้นอิสระให้ท่านเดินเล่นบน ถนนมาเรียเทเรซ่า ถนนสายหลักของเมืองอินบรูคส์ เชื่อมระหว่างเขตเมืองเก่ากับย่านช้อปปิ้งสมัยใหม่ ตรงกลางถนนเป็นที่ตั้งของ เสาอันนาซอยแล (เสานักบุญแอนน์) ซึ่งตั้งขึ้นเพื่อรำลึกถึงการถอนกองกำลังทหารบาวาเรียออกไปจากเมืองในช่วงสงคราม

ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก ã ณ Alpin Park หรือระดับเดียวกัน

วันที่สี่ อินศ์บรูค–โดโลไมท์–ทะเลสาบมิซูรินา-คอร์ติน่า ดอมปาสโซ่–เมืองออร์ติเซ่ (ออสเตรีย-อิตาลี )

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบมิซูรินา Misurina Lake อีกหนึ่งทะเลสาบชื่อดังใน อุทยานแห่งชาติโดโลไมท์ ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 1,754 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งมีความโด่งดังเรื่องภาพวิวภูเขาสะท้อนน้ำในวันฟ้าใสหรือแม้แต่ในช่วงฤดูหนาวก็มีความสวยงามอีกรูปแบบหนึ่ง จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง คอร์ติน่า ดอมปาสโซ่ (CORTINA D’AMPEZZO) เมืองสกีรีสอร์ท ที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติเทือกเขาโดโลไมท์ เป็น BEST OF THE ALPS เพียงแห่งเดียวของอิตาลีที่ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 10 สกีรีสอร์ทที่ดีที่สุดในโลก เคยใช้เป็นสถานที่จัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในปี 1956 และเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ เจมส์ บอนด์ 007 ตอน FOR YOUR EYE ONLY เมืองนี้อยู่สูง จากน้ำทะเล 1,219 เมตร ได้รับการขนานนามว่าเป็น ไข่มุกแห่งเทือกเขาโดโลไมท์ เป็นสถานที่ตากอากาศตลอดปีของชนชั้นสูง

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองออร์ติเซ่ เมืองหน้าด่านก่อนที่จะเดินทางเข้าสู่ อุทยานโดโลไมท์ รอบล้อมด้วยหุบเขามากมาย จึงเป็นเมืองที่พักตากอากาศที่มีชื่อเสียงแห่งนึงของอิตาลี จากนั้นนำคณะเดินทางผ่านเส้นทางสายไวน์ South Tyrolean Wine Road สองข้างทางเป็นไร่องุ่นและไร่แอปเปิล ท่านจะผ่านเมืองโบลซาโน (Bolzano) เมืองที่ถือว่าเป็นประตูสู่อุทยานแห่งชาติโดโลไมท์ โบลซาโนเป็นเมืองหลวงของภูมิภาคทีโรลใต้ (South Tyrol) เมืองเล็กๆ ที่มีเสน่ห์น่าหลงใหลในศิลปะและวัฒนธรรม ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่คนมีความสุขที่สุด Top 5 ของประเทศอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลีเนื่องด้วยความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรทางธรรมชาติและอากาศที่บริสุทธ์ทำให้เมืองนี้เป็นเมืองที่เป็นแหล่งผลิตผลไม้ที่ใหญ่ที่สุด

ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร เข้าสู่ที่พัก ã ณ Hotel NH Trento หรือระดับเดียวกัน

วันที่ห้า เวโรน่า–บ้านจูเลียต-ซีร์มิโอเน่–ทะเลสาบการ์ดา-กรุงมิลาน (อิตาลี) 

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เวโรน่า (Verona) หนึ่งในหัวเมืองใหญ่ของแคว้นและเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3ทางภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลีและยังเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของอิตาลีตอนเหนืออีกด้วย นำท่านเที่ยวชมย่านเมืองเก่าที่ยังคงเสน่ห์ของความเป็นเมืองยุคกลางไว้ได้อย่างครบถ้วนเมืองเวโรน่าแห่งนี้ยังมีชื่อเสียงด้วยการเป็นเมืองโลเกชั่นของวรรณกรรมชื่อดังอย่าง โรมิโอแอนด์จูเลียต นำท่านชม บ้านจูเลียต (Casa di Giulietta)  บ้านปูนสีขาวที่มีจุดเด่นคือ ระเบียง สถานที่ๆ โรมิโอและจูเลียตได้พบรักกัน จุดนี้เองที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายมายังเมืองเวโรน่า เพื่อชมต้นกำเนิดของตำนานความรักชื่อดังอิสระอาหารกลางวันเพื่อความต่อเนื่องในการเลือกซื้อสิ้นค้าและท่องเที่ยวตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองซีร์มิโอเน่ (SIRMIONE) เมืองปราสาทเก่าแก่ห้อมล้อมด้วย ทะเลสาบการ์ดา มีลักษณะเมืองเป็นแหลมยื่นเข้าไปในทะเลสาบการ์ดาที่สวยงามมีมาก่อนศตวรรษที่ 15 ซีร์มิโอเน่อยู่ภายใต้การปกครองของเมืองเวนิส หรือจะเรียกได้ว่าเป็นอาณาบริเวณหนึ่งของ เมืองเวนิส เพราะสมัยนั้นเมืองต่างๆในประเทศอิตาลียังไม่ได้รวมตัวกันต่างเป็นเอกเทศปกครองตนเองแถมมีการทำสงครามเพื่อแย่งชิงเมืองซีร์มิโอเน่เลยเป็นเมืองที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนานที่สำคัญมีหลักฐานและร่องรอยทาง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคสมัยโรมันทั้งกำแพงเมืองที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อป้องกัน สงครามในอดีตเคยเป็นเมืองที่มีผู้คนที่มีฐานะในยุคสมัยโรมันใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ปัจจุบันจึงกลายเป็นเมืองพักผ่อนริมทะเลสาบการ์ดา ชมความสวยงามของวิวทิวทัศน์ของทะเลสาบ ซี่งเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่เกิดจากน้ำแข็งละลายจากเทือกเขาแอลป์ ดังนั้นซีร์มิโอเน่ จึงถูกล้อมรอบด้วยทะเลสาบทั้งสองด้าน ถึงแม้จะเป็นเพียงเมืองเล็กๆ แต่มีเสน่ห์ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาพักผ่อนตลอดทั้งปี จากนั้นนำท่านถ่ายภาพด้านหน้า ปราสาทเก่าแก่ของเมือง (THE SCALLGER OF SIRMIONE) สร้างในปี 1277 ซึ่งเมืองนี้เคยอยู่ในการปกครองของตระกูล SCALIGER จากนั้นเดินเล่นชมเมืองเก่าชิมไอศรีมเจลาโต้ที่มีชื่อเสียงของอิตาลี หลากหลายร้านและของที่ระลึกอื่นๆ อีกมากมาย ให้ท่านอิสระ  จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง มิลาน (Milan) หนึ่งในเมืองหลักของประเทศอิลาลี เป็นศูนย์กลางทั้งด้านการค้า ศิลปะ เศรษฐกิจ และการศึกษาได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งแฟชั่นและการออกแบบ

ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร เข้าสู่ที่พัก ã ณ Klima Hotel Milano Fiere หรือระดับเดียวกัน

วันที่หก มิลาน–มหาวิหารดูโอโม่–โคโม-สนามบิน (อิตาลี-ดูไบ)

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม หลังจากนั้นนำท่านเข้าสู่ เมืองมิลาน หรือ มิลาโน่ มีชื่อเสียงในด้านแฟชั่น ศิลปะ และเครื่องหนัง เป็นเมืองแห่งแฟชั่นสำคัญเมืองหนึ่งของโลก ในลักษณะเดียวกับ นิวยอร์ก ปารีส ลอนดอน “มิลาน”เป็นเมืองหลวงของแคว้นลอมบาร์เดียในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลอมบาร์ดี ชื่อเมืองมิลานมาจากภาษาเซลต์คำว่า MID-LAN มีประชากรประมาณ1,308,500 คน และมีชื่อเสียงเกี่ยวกับประเพณีคริสต์มาสที่เรียกว่า“ปาเนตโตเน” อุตสาหกรรม ผ้าไหม และแหล่งผลิตรถยนต์ อัลฟา โรมีโอ รวมไปถึงสโมสรฟุตบอลอินเตอร์มิลานและสโมสรฟุตบอลเอซีมิลาน,มีภาพวาดเฟรสโก้ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง,โรงละครโอเปร่า หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ปิอาซซ่า เดล ดูโอโม่ (Piazza Del Duomo) ซึ่งเป็นที่ตั้งของ มหาวิหารแห่งเมืองมิลาน หรือที่เรียกว่าดูโอโม่ (DUOMO)ชื่อนี้ไว้ใช้เรียกมหาวิหารประจำเมือง สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1386 แล้วเสร็จ 400 กว่าปีหลังจากนั้น ด้านนอกเป็นยอดแหลม 135 ยอด จึงมีชื่อเรียกว่า "มหาวิหารเม่น" มีรูปสลักหินอ่อนจากยุคต่างๆ ประดับอยู่กว่าสาม

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

พันรูป บนยอดของมหาวิหารมีรูปปั้นทองขนาด 4 เมตร ของพระแม่มาดอนน่า และบริเวณนั้นยังเป็นศูนย์กลางแหล่งชุมนุมของผู้คนมาทุกยุคสมัย อิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปตามอัธยาศัยและช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม ซึ่งมีจำหน่ายมากมายในบริเวณ กัลเลเรีย วิตโตรีโอ เอมานูเอล อิสระอาหารกลางวันเพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยวและให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าของที่ระลึกหรือสินค้าพื้นเมืองตามอัธยาศัย หลังจาก นั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองโคโม่ เป็นเมืองในแคว้นลอมบาร์เดีย ตั้งอยู่บริเวณพรมแดนกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โคโมเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในเทือกเขาแอลป์ ทิศเหนือของเมืองอยู่ติดกับทะเลสาบโคโม โคโมเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่ง เป็นแหล่งรวมชิ้นงานศิลปะชื่อดัง, มีโบสถ์, พิพิธภัณฑ์, สวน, โรงละคร, วังเก่าอยู่มากมาย โดยในปี 2013 โกโมมีจำนวนผู้มาพำนักค้างคืนถึง 215,000 คน ถือเป็นเมืองที่มีผู้มาเยือนมากที่สุดเป็นอันดับสี่ของแคว้นลอมบาร์เดียรองจากมิลาน, แบร์กาโม และเบรชชา สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่สนามบิน

22.20 น. ออกเดินทางสู่ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 58

(บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

วันที่เจ็ด ดูไบ–กรุงเทพ (ยูเออี–ไทย)

06.25 น. เดินทางถึงเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะเปลี่ยนเครื่อง

09.40 น. ออกเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบิน เอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 372           

(บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

18.55 น.เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ

jpg.jpg
panoramica-innsbruck.jpg
misurina.jpg
Sirmione-(Italy,-Lake-Garda).jpg
Milan.jpg
bottom of page