top of page

วันแรก กรุงเทพฯ (ไทย)

17.30 น. พร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 ประตู 9 แถว T สายการบินเอมิเรตส์ (EK) เจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับพร้อมอำนวยความสะดวก

21.05 น. ออกเดินทางสู่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 373

(บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

วันที่สอง ดูไบ-มิวนิค-พระราชวังนิมเฟนบูร์ก-จัตุรัสมาเรียน-เมืองนูเรมเบิร์ก (ยูเออี-เยอรมนี)

00.50 น. ถึงสนามบินเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะเปลี่ยนเครื่อง  

04.05 น. เดินทางสู่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 53

(บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

08.35 น. ถึงสนามบินเมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว นำท่านถ่ายรูปบริเวณด้านหน้า พระราชวังนิมเฟนบูร์ก (Nymphenburg Palace)  เป็นวังฤดูร้อนของพระราชวงศ์ผู้ปกครองบาวาเรีย ผู้ริเริ่มสร้างปราสาทคือ

เฟอร์ดินานด์ มาเรีย เจ้าชาย อีเล็คเตอร์แห่งบาวาเรียและเฮ็นเรียตตา อเดลเลดแห่งซาวอยตามแบบของสถาปนิก

อากอสติโนบาเรลลิในปี ค.ศ. 1664 หลังจากทรงมี พระโอรสองค์แรก, แม็กซิมิลเลียน ที่ 2 เอ็มมานูเอลเจ้าชาย อีเล็คเตอร์แห่งบาวาเรีย ส่วนกลางของวังสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1675 ก่อนขับรถพาชมสถานที่สำคัญๆ อาทิ พระราชวังหลวงเรสซิเด้นท์ ฯลฯ นำท่านสู่บริเวณ จัตุรัสมาเรียน ย่านเมืองเก่าที่มีสถาปัตยกรรมอันเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของมิวนิค เซ่น ศาลาว่าการเก่า  ในรูปแบบศิลปะโกธิค, หอคอยของโบสถ์แม่พระที่มีรูปแบบคล้ายหัวหอมใหญ่

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองนูเรมเบิร์ก (Nuremberg)  เมืองที่ได้รับสมญานามว่าเมืองแห่งเทพนิยายของเยอรมัน หากใครเป็นคนที่ชื่นชอบความสวยงามของธรรมชาติ ขุนเขาสลับซับซ้อน ปราสาทราชวังแบบในการ์ตูน ทางเดินโรยกรวด ปูหินแบบยุคกลาง โบสถ์สวยเก่าแก่ หิมะที่ปกคลุมขาวโพลนไปทั่วทั้งเมือง ต้องที่นี่เลยเพราะนูเรมเบิร์กนั้นเสมือนดังเมืองแห่งเทพนิยายที่ได้รับการรักษาเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ จากนั้นนำท่าน เดินชมเมืองโบราณที่มีอายุกว่า 900 ปี ผ่านชม เม้าท์ฮาล์ โรงเก็บส่วยภาษีอากรในอดีตที่ถือเป็นอาคารประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่งของเมืองนูเรมเบิร์ก จากนั้นนำท่านชมบริเวณ จัตุรัสกลางใจเมือง (HAUPTMARKT) ซึ่งมีตลาดนัดขนาดใหญ่ประจำเมือง อันถือเป็นตลาดนัดคริสต์มาสที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเยอรมนี ด้านตะวันออกของตลาดมี โบสถ์พระแม่มาเรีย (FRAUENKIRCHE) จุดเด่นคือ มีนาฬิกาตุ๊กตาไขลานที่หน้าจั่วของโบสถ์พระแม่มาเรีย ตัวนาฬิกาและตุ๊กตาประดับนี้ถูกสร้างเพิ่มเติมภายหลังในปี ค.ศ. 1509 เพื่อเป็นการรำลึกถึง พระราชกฤษฎีกาทองคำปี 1356 ที่ตราขึ้นตามพระราชบัญชาของจักรพรรดิคาร์ลที่ 4 แห่งจักรวรรดิโรมันอัน ศักดิ์สิทธิ์

ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร เข้าสู่ที่พัก ã ณ Congress Hotel Mercure Nurnberg an der Messe หรือระดับเดียวกัน

วันที่สาม เมืองโรเธนบวร์ก-เมืองแฟรงก์เฟริต-จัตุรัสโรเมอร์ (เยอรมัน)

เช้า ส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของเส้นทางสายโรแมนติกของเยอรมนี เข้าสู่เขตเมืองเก่า ซึ่งเป็นศูนย์กลางเมืองทางประวัติศาสตร์และแนวกำแพงป้องกันเมืองดั้งเดิม บ่งบอกถึงความรุ่งเรืองของเมืองที่ทำการค้าไวน์, โค, กระบือและขนสัตว์ ที่มีมาตั้งแต่ ค.ศ.1274 จัตุรัสใจกลางเมืองเป็นที่ตั้งของ อาคารเทศบาลเมืองและโบสถ์เซนต์จาคอบ อิสระให้ท่านมีเวลาได้เก็บภาพประทับใจ ย้อนความทรงจำในยุคอัศวินหรือขุนนางเรืองอำนาจในยุคกลางหรือเลือกซื้อสินค้าต่างๆที่ผลิตในเมืองนี้

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นเดินทางสู่เมืองแฟรงก์เฟริต (Frankfurt) ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำไมล์ เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ และการเงินของยุโรป ปัจจุบันแฟรงก์เฟิร์ตเป็นศูนย์กลางทางการเงินของยุโรปที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากลอนดอน  แฟรงก์เฟิร์ตเป็นเมืองแห่งอาคารสูงระฟ้า จึงได้ฉายาว่า Mainhatten เมื่อดูอย่างใกล้ชิดก็จะเผยให้เห็นเสน่ห์ของเมืองใหญ่ ที่มีบ้านเรือนที่สวยงามเก่าแก่ที่ได้รับการบูรณะไว้ตั้งอยู่ใจกลางเมือง หลังจากนั้นนำเที่ยว ชมจัตุรัสโรเมอร์ (Romerberg) ซึ่งเป็นจัตุรัสที่เก่าแก่ที่สุดในเมือง ด้านข้างก็คือ THE ROMER หรือ Frankfurt City Hall หรือศาลาว่าการเมือง ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของจัตุรัสโรเมอร์

ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก ã ณ NH Frankfurt Airport West หรือระดับเดียวกัน

วันที่สี่ Wertheim Village Outlet-เมืองมันไฮม์-พระราชวังมันไฮม์ (เยอรมัน)

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ WERTHEIM VILLAGE OUTLET ให้เวลาท่านได้อิสระช้อปปิ้งสินค้ามากมายกว่า 100 ร้านค้าและร้านอาหาร อาทิ เช่น  ADIDAS, CALVIN KLEIN, BIRKENSTOCK, COACH, FRED PERRY, LONGCHAMP, MICHAEL KORS, NIKE, PANDORA, SAMSONITE, VERSACE และอื่นๆอีกมากมาย อิสระอาหารกลางวัน เพื่อความสะดวกในการช้อปปิ้ง ถึงเวลาอันสมควรนำท่านเดินทางกลับสู่ เมืองมันไฮม์ เป็นเมืองทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศเยอรมนี มีประชากรราว 315,000 คน เป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับ 2 ของรัฐบาเดิน-เวือร์ทเทิมแบร์ค ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำไรน์ที่จุดบรรจบกับแม่น้ำเน็คคาร์ และได้รับการขนานนามว่าเป็น City Of Square ซึ่งมาจากเอกลักษณ์สำคัญของผังเมืองที่เป็นกรอบสี่เหลี่ยม นำท่านผ่านชม Jesuit Church โบสถ์เก่าแก่ประจำเมืองซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1733-1756 สร้างจากหินทรายสีแดงภายในทำจากหินอ่อนเป็นสไตล์คลาสสิคยุคบาร๊อคตอนปลาย จากนั้นนำท่านถ่ายรูปด้านหน้า พระราชวังมันไฮม์ หรือ Mannheim Baroque Palace ซึ่งเป็นพระราชวังที่สร้างในรูปแบบบาร๊อคที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเยอรมนี สร้างในสมัยของเจ้าชายอิเลคเตอร์ คาร์ล ฟิลิปที่ 3 แห่งพาลาทิเนต ปัจจุบันอาคารส่วนใหญ่ใช้เป็นอาคารของมหาวิทยาลัยมันไฮม์

ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร เข้าสู่ที่พัก ã ณ NH Hirschberg Heidelberg หรือระดับเดียวกัน

วันที่ห้า เมืองไฮเดลเบิร์ก-เมืองสตราสบูร์ก-แคว้นอัลซาส-เมืองกอลมาร์ (เยอรมนี-ฝรั่งเศส)

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองไฮเดลเบิร์ก เมืองเก่าแก่ตั้งแต่ยุคกลางที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองแฟรงค์เฟิร์ต อิสระให้ท่านเดินเที่ยวชม ตัวเมืองเก่าไฮเดลเบิร์ก ริมฝั่งแม่น้ำเนคคาร์ที่มีบรรยากาศสวยงาม ท่านสามารถถ่ายรูป ปราสาทไฮเดลเบิร์ก จากริมฝั่งแม่น้ำเนคคาร์ ปราสาทไฮเดลเบิร์กนี้มีชื่อเสียงมาก มีการก่อสร้างต่อเนื่องกว่า ๔๐๐ปี ตัวอาคารด้านนอกและตัววังเก่าเป็นศิละแบบโกธิคและเรอเนสซองค์ ส่วนอีก๒อาคารที่อยู่ ทางตะวันออกและทางเหนือสร้างเมื่อศตวรรษที่ ๑๖ ซึ่งถือว่า เป็นอาคารที่มีชื่อเสียงและมี ความสำคัญทางด้านสถาปัตยกรรม ของเยอรมัน นอกจากนี้ ปราสาทไฮเดลเบิร์กยังมีห้องเก็บไวน์ซึ่ง บรรจุไว้ในถังโอ๊คบ่ม ที่เป็นไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองสตราสบูร์ก (Strasbourg) เมืองมรดกโลกด้านมนุษยชาติขององค์การยูเนสโก เป็นเมืองหลวงแห่ง แคว้นอัลซาส (Alsace) แห่งฝรั่งเศส เป็นเมืองที่เรียกได้ว่า มี 2 วัฒนธรรมคือ ฝรั่งเศสและเยอรมัน เนื่องจากผลัดกันอยู่ภายใต้การปกครองของ 2 ประเทศนี้สลับกันไปมาตราสบูร์กเป็นเมืองใหญ่มีสถาปัตยกรรมสมัยโบราณเป็นร่องรอยประวัติศาสตร์ให้ชาวเมืองปัจจุบันได้ชื่น

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร นำท่านชม จัตุรัสเกลแบร์ จัตุรัสที่มีขนาดที่ใหญ่ที่สุดซึ่งตั้งอยู่บริเวณใจกลางของเมืองสตราสบูร์ก โดยภายในจัตุรัสยังเป็นที่ตั้งของ รูปปั้นช็อง แบ๊บติสต์ เกลแบร์ ผู้ที่มีบทบาทสำคัญในเรื่องสงครามการปฏิวัติของประเทศฝรั่งเศส นำท่านถ่ายรูปมหาวิหารแห่งสตราสบูร์ก มีความสูงอยู่ที่ 142 เมตร ซึ่งถูกสร้างขึ้นระหว่างปี 1176 ถึง 1439 ที่สร้างด้วยหินทรายสีชมพูดูงามระหงโดดเด่นเห็นแต่ไกลและถือว่าเป็นอาคารโบสถ์ที่สูงที่สุดในประเทศฝรั่งเศส ภัตตาคาร หลังจากนั้นเดินทางสู่ เมืองกอลมาร์ (COLMAR) เมืองศูนย์กลางการท่องเที่ยวอันดับสองของแคว้นอัลซาซ (ALSACE) เป็นเมืองที่ยังคงความงดงามของสถาปัตยกรรมไว้ได้อย่างมาก นำท่านชมเขตเมืองเก่ากอลมาร์ (COLMAR OLD TOWN) เขตที่มีสถาปัตยกรรมในยุคศตวรรษที่ 16-17 ตั้งอยู่ ซึ่งบางหลังเป็นอาคารสไตล์เรอเนซองส์อันงดงาม เป็นย่านที่มีฉายาว่า “เวนิสน้อย” (LITTLE VENICE) ย่านที่ได้ชื่อมาจากลักษณะของบ้านเรือนที่ตั้งอยู่บนสองฝั่งคลอง ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำโลช (LAUCH) มีคลองเล็ก ๆ และมีบ้านไม้แบบเก่าแก่สไตล์เยอรมันกอธิคและเรอเนซองส์ 

ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร เข้าสู่ที่พัก ณ Golden Tulip Mulhouse Basel หรือระดับเดียวกัน

วันที่หก เมืองซูก-ลูเซิร์น-รูปแกะสลักสิงโตบนหน้าผาหิน-สะพานไม้ชาเปล-สนามบินซูริค (ฝรั่งเศส-สวิสฯ)

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองซูก เคยเป็นเขตปกครองที่มีรายได้เฉลี่ยน้อยที่สุดแต่ปัจจุบันคือเมืองที่รวยที่สุดของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีเขตเมืองเก่าที่ก่ตั้งมาตั้งแต่ศตวรรษที่13 อาคารบ้านเรือนยังคงสภาพดั้งเดิมไว้อย่างสวยงามอีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีวิวทะเลสาปที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ

อิระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย หลังจากนั้นเดินทางสู่ เดินทางสู่เมืองลูเซิร์น (Lucerne) อดีตหัวเมืองโบราณของสวิตเซอร์แลนด์ เป็นดินแดนที่ได้รับสมญานามว่าหลังคาแห่งทวีปยุโรป (The roof of Europe) เพราะนอกจากจะมีเทือกเขาสูงเสียดฟ้าอย่างเทือกเขาแอลป์ แล้วก็ยังมีภูเขาใหญ่น้อยสลับกับป่าไม้ที่แทรกตัวอยู่ตามเนินเขาและไหล่เขาสลับแซมด้วยดงดอกไม้ป่าและทุ่งหญ้าอันเขียวชอุ่ม นําท่านถ่ายรูปกับสะพานไม้ชาเปล หรือสะพานวิหาร(Chapel bridge) ซึ่งข้ามแม่นํ้ารอยซ์เป็นสะพานไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มีอายุหลายร้อยปีเป็นสัญลักษณ์และประวัติศาสตร์ของเมืองลูเซิร์นเลยทีเดียวสะพานวิหารนี้เป็นสะพานที่แข็งแรงมากมุงหลังคาแบบโบราณเชื่อมต่อไปยังป้อมแปดเหลี่ยมกลางนํ้า จั่วแต่ละช่องของสะพานจะมีภาพเขียนเรื่องราวประวัติความเป็นมาของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นภาพเขียนเก่าแก่อายุกว่า 400 ปี แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบันสะพานไม้นี้ถูกไฟไหม้เสียหายไปมากต้องบูรณะสร้างขึ้นใหม่เกือบหมด นําท่านชมรูปแกะสลักสิงโตบนหน้าผาหิน เป็นอนุสาวรีย์ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ที่หัวของสิงโตจะมีโล่ห์ ซึ่งมีกากบาทสัญลักษณ์ของ สวิตเซอร์แลนด์อยู่ อนุสาวรีย์รูปสิงโตแห่งนี้ออกแบบและแกะสลักโดย ธอร์ วอลเส้น ใช้เวลาแกะสลักอยู่ราว 2 ปี ตั้งแต่ ค.ศ. 1819-1821 โดยสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารสวิสฯ ในด้านความกล้าหาญ ซื่อสัตย์ จงรักภักดี ที่ เสียชีวิตในประเทศฝรั่งเศส ระหว่างการต่อสู้ป้องกันพระราชวังในครั้งปฏิวัติใหญ่สมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่สนามบิน

22.15 น. ออกเดินทางสู่ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 86

(บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

วันที่เจ็ด ดูไบ-กรุงเทพฯ (ยูเออี-ไทย)

06.25 น. เดินทางถึงเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะเปลี่ยนเครื่อง

09.40 น. ออกเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบิน เอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 372

(บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

18.55 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ

12 เมษายน - 7 กรกฏาคม 2563

วันเดินทาง

สายการบินเอมิเรตส์ (Emirates)

สายการบิน

รหัส : Ek034

โปรแกรมทัวร์ : เยอรมัน ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ 7 วัน 4 คืน

รายละเอียดโปรแกรม :  มิวนิค จัตุรัสมาเรียนพลัทซ์ เมืองนูเรมเบิร์ก แฟรงค์เฟิร์ต เมืองโรเธนเบิร์ก ออบ เดอร์ เทาเบอร์

เมืองไฮเดลเบิร์ก สตารส์บูร์ก กอลมา เมืองซูก เมืองลูเซิร์น ช้อปปิ้ง Wertheim Village Outlet

ราคาเริ่มต้น : 40,900 TH

line-logo.png

ดาวน์โหลดใบสั่งจองโปรแกรมทัวร์

** รายการทัวร์ทางหน้าเว็บไซต์ เป็นการนำเสนอรายการเบื้องต้นเท่านั้น กรุณาติดต่อแผนกเซลล์ เพื่อขอรายการทัวร์ทุกครั้ง

2

1

3

4

6

5

7

วันแรก กรุงเทพฯ (ไทย)

17.30 น. พร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 ประตู 9 แถว T สายการบินเอมิเรตส์ (EK) เจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับพร้อมอำนวยความสะดวก

21.05 น. ออกเดินทางสู่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 373

(บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

วันที่สอง ดูไบ-มิวนิค-พระราชวังนิมเฟนบูร์ก-จัตุรัสมาเรียน-เมืองนูเรมเบิร์ก (ยูเออี-เยอรมนี)

00.50 น. ถึงสนามบินเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะเปลี่ยนเครื่อง  

04.05 น. เดินทางสู่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 53

(บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

08.35 น. ถึงสนามบินเมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว นำท่านถ่ายรูปบริเวณด้านหน้า พระราชวังนิมเฟนบูร์ก (Nymphenburg Palace)  เป็นวังฤดูร้อนของพระราชวงศ์ผู้ปกครองบาวาเรีย ผู้ริเริ่มสร้างปราสาทคือ

เฟอร์ดินานด์ มาเรีย เจ้าชาย อีเล็คเตอร์แห่งบาวาเรียและเฮ็นเรียตตา อเดลเลดแห่งซาวอยตามแบบของสถาปนิก

อากอสติโนบาเรลลิในปี ค.ศ. 1664 หลังจากทรงมี พระโอรสองค์แรก, แม็กซิมิลเลียน ที่ 2 เอ็มมานูเอลเจ้าชาย อีเล็คเตอร์แห่งบาวาเรีย ส่วนกลางของวังสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1675 ก่อนขับรถพาชมสถานที่สำคัญๆ อาทิ พระราชวังหลวงเรสซิเด้นท์ ฯลฯ นำท่านสู่บริเวณ จัตุรัสมาเรียน ย่านเมืองเก่าที่มีสถาปัตยกรรมอันเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของมิวนิค เซ่น ศาลาว่าการเก่า  ในรูปแบบศิลปะโกธิค, หอคอยของโบสถ์แม่พระที่มีรูปแบบคล้ายหัวหอมใหญ่

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองนูเรมเบิร์ก (Nuremberg)  เมืองที่ได้รับสมญานามว่าเมืองแห่งเทพนิยายของเยอรมัน หากใครเป็นคนที่ชื่นชอบความสวยงามของธรรมชาติ ขุนเขาสลับซับซ้อน ปราสาทราชวังแบบในการ์ตูน ทางเดินโรยกรวด ปูหินแบบยุคกลาง โบสถ์สวยเก่าแก่ หิมะที่ปกคลุมขาวโพลนไปทั่วทั้งเมือง ต้องที่นี่เลยเพราะนูเรมเบิร์กนั้นเสมือนดังเมืองแห่งเทพนิยายที่ได้รับการรักษาเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ จากนั้นนำท่าน เดินชมเมืองโบราณที่มีอายุกว่า 900 ปี ผ่านชม เม้าท์ฮาล์ โรงเก็บส่วยภาษีอากรในอดีตที่ถือเป็นอาคารประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่งของเมืองนูเรมเบิร์ก จากนั้นนำท่านชมบริเวณ จัตุรัสกลางใจเมือง (HAUPTMARKT) ซึ่งมีตลาดนัดขนาดใหญ่ประจำเมือง อันถือเป็นตลาดนัดคริสต์มาสที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเยอรมนี ด้านตะวันออกของตลาดมี โบสถ์พระแม่มาเรีย (FRAUENKIRCHE) จุดเด่นคือ มีนาฬิกาตุ๊กตาไขลานที่หน้าจั่วของโบสถ์พระแม่มาเรีย ตัวนาฬิกาและตุ๊กตาประดับนี้ถูกสร้างเพิ่มเติมภายหลังในปี ค.ศ. 1509 เพื่อเป็นการรำลึกถึง พระราชกฤษฎีกาทองคำปี 1356 ที่ตราขึ้นตามพระราชบัญชาของจักรพรรดิคาร์ลที่ 4 แห่งจักรวรรดิโรมันอัน ศักดิ์สิทธิ์

ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร เข้าสู่ที่พัก ã ณ Congress Hotel Mercure Nurnberg an der Messe หรือระดับเดียวกัน

วันที่สาม เมืองโรเธนบวร์ก-เมืองแฟรงก์เฟริต-จัตุรัสโรเมอร์ (เยอรมัน)

เช้า ส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของเส้นทางสายโรแมนติกของเยอรมนี เข้าสู่เขตเมืองเก่า ซึ่งเป็นศูนย์กลางเมืองทางประวัติศาสตร์และแนวกำแพงป้องกันเมืองดั้งเดิม บ่งบอกถึงความรุ่งเรืองของเมืองที่ทำการค้าไวน์, โค, กระบือและขนสัตว์ ที่มีมาตั้งแต่ ค.ศ.1274 จัตุรัสใจกลางเมืองเป็นที่ตั้งของ อาคารเทศบาลเมืองและโบสถ์เซนต์จาคอบ อิสระให้ท่านมีเวลาได้เก็บภาพประทับใจ ย้อนความทรงจำในยุคอัศวินหรือขุนนางเรืองอำนาจในยุคกลางหรือเลือกซื้อสินค้าต่างๆที่ผลิตในเมืองนี้

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นเดินทางสู่เมืองแฟรงก์เฟริต (Frankfurt) ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำไมล์ เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ และการเงินของยุโรป ปัจจุบันแฟรงก์เฟิร์ตเป็นศูนย์กลางทางการเงินของยุโรปที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากลอนดอน  แฟรงก์เฟิร์ตเป็นเมืองแห่งอาคารสูงระฟ้า จึงได้ฉายาว่า Mainhatten เมื่อดูอย่างใกล้ชิดก็จะเผยให้เห็นเสน่ห์ของเมืองใหญ่ ที่มีบ้านเรือนที่สวยงามเก่าแก่ที่ได้รับการบูรณะไว้ตั้งอยู่ใจกลางเมือง หลังจากนั้นนำเที่ยว ชมจัตุรัสโรเมอร์ (Romerberg) ซึ่งเป็นจัตุรัสที่เก่าแก่ที่สุดในเมือง ด้านข้างก็คือ THE ROMER หรือ Frankfurt City Hall หรือศาลาว่าการเมือง ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของจัตุรัสโรเมอร์

ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก ã ณ NH Frankfurt Airport West หรือระดับเดียวกัน

วันที่สี่ Wertheim Village Outlet-เมืองมันไฮม์-พระราชวังมันไฮม์ (เยอรมัน)

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ WERTHEIM VILLAGE OUTLET ให้เวลาท่านได้อิสระช้อปปิ้งสินค้ามากมายกว่า 100 ร้านค้าและร้านอาหาร อาทิ เช่น  ADIDAS, CALVIN KLEIN, BIRKENSTOCK, COACH, FRED PERRY, LONGCHAMP, MICHAEL KORS, NIKE, PANDORA, SAMSONITE, VERSACE และอื่นๆอีกมากมาย อิสระอาหารกลางวัน เพื่อความสะดวกในการช้อปปิ้ง ถึงเวลาอันสมควรนำท่านเดินทางกลับสู่ เมืองมันไฮม์ เป็นเมืองทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศเยอรมนี มีประชากรราว 315,000 คน เป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับ 2 ของรัฐบาเดิน-เวือร์ทเทิมแบร์ค ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำไรน์ที่จุด

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

บรรจบกับแม่น้ำเน็คคาร์ และได้รับการขนานนามว่าเป็น City Of Square ซึ่งมาจากเอกลักษณ์สำคัญของผังเมืองที่เป็นกรอบสี่เหลี่ยม นำท่านผ่านชม Jesuit Church โบสถ์เก่าแก่ประจำเมืองซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1733-1756 สร้างจากหินทรายสีแดงภายในทำจากหินอ่อนเป็นสไตล์คลาสสิคยุคบาร๊อคตอนปลาย จากนั้นนำท่านถ่ายรูปด้านหน้า พระราชวังมันไฮม์ หรือ Mannheim Baroque Palace ซึ่งเป็นพระราชวังที่สร้างในรูปแบบบาร๊อคที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเยอรมนี สร้างในสมัยของเจ้าชายอิเลคเตอร์ คาร์ล ฟิลิปที่ 3 แห่งพาลาทิเนต ปัจจุบันอาคารส่วนใหญ่ใช้เป็นอาคารของมหาวิทยาลัยมันไฮม์

ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร เข้าสู่ที่พัก ã ณ NH Hirschberg Heidelberg หรือระดับเดียวกัน

วันที่ห้า เมืองไฮเดลเบิร์ก-เมืองสตราสบูร์ก-แคว้นอัลซาส-เมืองกอลมาร์ (เยอรมนี-ฝรั่งเศส)

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองไฮเดลเบิร์ก เมืองเก่าแก่ตั้งแต่ยุคกลางที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองแฟรงค์เฟิร์ต อิสระให้ท่านเดินเที่ยวชม ตัวเมืองเก่าไฮเดลเบิร์ก ริมฝั่งแม่น้ำเนคคาร์ที่มีบรรยากาศสวยงาม ท่านสามารถถ่ายรูป ปราสาทไฮเดลเบิร์ก จากริมฝั่งแม่น้ำเนคคาร์ ปราสาทไฮเดลเบิร์กนี้มีชื่อเสียงมาก มีการก่อสร้างต่อเนื่องกว่า ๔๐๐ปี ตัวอาคารด้านนอกและตัววังเก่าเป็นศิละแบบโกธิคและเรอเนสซองค์ ส่วนอีก๒อาคารที่อยู่ ทางตะวันออกและทางเหนือสร้างเมื่อศตวรรษที่ ๑๖ ซึ่งถือว่า เป็นอาคารที่มีชื่อเสียงและมี ความสำคัญทางด้านสถาปัตยกรรม ของเยอรมัน นอกจากนี้ ปราสาทไฮเดลเบิร์กยังมีห้องเก็บไวน์ซึ่ง บรรจุไว้ในถังโอ๊คบ่ม ที่เป็นไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองสตราสบูร์ก (Strasbourg) เมืองมรดกโลกด้านมนุษยชาติขององค์การยูเนสโก เป็นเมืองหลวงแห่ง แคว้นอัลซาส (Alsace) แห่งฝรั่งเศส เป็นเมืองที่เรียกได้ว่า มี 2 วัฒนธรรมคือ ฝรั่งเศสและเยอรมัน เนื่องจากผลัดกันอยู่ภายใต้การปกครองของ 2 ประเทศนี้สลับกันไปมาตราสบูร์กเป็นเมืองใหญ่มีสถาปัตยกรรมสมัยโบราณเป็นร่องรอยประวัติศาสตร์ให้ชาวเมืองปัจจุบันได้ชื่น

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร นำท่านชม จัตุรัสเกลแบร์ จัตุรัสที่มีขนาดที่ใหญ่ที่สุดซึ่งตั้งอยู่บริเวณใจกลางของเมืองสตราสบูร์ก โดยภายในจัตุรัสยังเป็นที่ตั้งของ รูปปั้นช็อง แบ๊บติสต์ เกลแบร์ ผู้ที่มีบทบาทสำคัญในเรื่องสงครามการปฏิวัติของประเทศฝรั่งเศส นำท่านถ่ายรูปมหาวิหารแห่งสตราสบูร์ก มีความสูงอยู่ที่ 142 เมตร ซึ่งถูกสร้างขึ้นระหว่างปี 1176 ถึง 1439 ที่สร้างด้วยหินทรายสีชมพูดูงามระหงโดดเด่นเห็นแต่ไกลและถือว่าเป็นอาคารโบสถ์ที่สูงที่สุดในประเทศฝรั่งเศส ภัตตาคาร หลังจากนั้นเดินทางสู่ เมืองกอลมาร์ (COLMAR) เมืองศูนย์กลางการท่องเที่ยวอันดับสองของแคว้นอัลซาซ (ALSACE) เป็นเมืองที่ยังคงความงดงามของสถาปัตยกรรมไว้ได้อย่างมาก นำท่านชมเขตเมืองเก่ากอลมาร์ (COLMAR OLD TOWN) เขตที่มีสถาปัตยกรรมในยุคศตวรรษที่ 16-17 ตั้งอยู่ ซึ่งบางหลังเป็นอาคารสไตล์เรอเนซองส์อันงดงาม เป็นย่านที่มีฉายาว่า “เวนิสน้อย” (LITTLE VENICE) ย่านที่ได้ชื่อมาจากลักษณะของบ้านเรือนที่ตั้งอยู่บนสองฝั่งคลอง ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำโลช (LAUCH) มีคลองเล็ก ๆ และมีบ้านไม้แบบเก่าแก่สไตล์เยอรมันกอธิคและเรอเนซองส์ 

ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร เข้าสู่ที่พัก ณ Golden Tulip Mulhouse Basel หรือระดับเดียวกัน

วันที่หก เมืองซูก-ลูเซิร์น-รูปแกะสลักสิงโตบนหน้าผาหิน-สะพานไม้ชาเปล-สนามบินซูริค (ฝรั่งเศส-สวิสฯ)

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองซูก เคยเป็นเขตปกครองที่มีรายได้เฉลี่ยน้อยที่สุดแต่ปัจจุบันคือเมืองที่รวยที่สุดของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีเขตเมืองเก่าที่ก่ตั้งมาตั้งแต่ศตวรรษที่13 อาคารบ้านเรือนยังคงสภาพดั้งเดิมไว้อย่างสวยงามอีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีวิวทะเลสาปที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ

อิระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย หลังจากนั้นเดินทางสู่ เดินทางสู่เมืองลูเซิร์น (Lucerne) อดีตหัวเมืองโบราณของสวิตเซอร์แลนด์ เป็นดินแดนที่ได้รับสมญานามว่าหลังคาแห่งทวีปยุโรป (The roof of Europe) เพราะนอกจากจะมีเทือกเขาสูงเสียดฟ้าอย่างเทือกเขาแอลป์ แล้วก็ยังมีภูเขาใหญ่น้อยสลับกับป่าไม้ที่แทรกตัวอยู่ตามเนินเขาและไหล่เขาสลับแซมด้วยดงดอกไม้ป่าและทุ่งหญ้าอันเขียวชอุ่ม นําท่านถ่ายรูปกับสะพานไม้ชาเปล หรือสะพานวิหาร(Chapel bridge) ซึ่งข้ามแม่นํ้ารอยซ์เป็นสะพานไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

มีอายุหลายร้อยปีเป็นสัญลักษณ์และประวัติศาสตร์ของเมืองลูเซิร์นเลยทีเดียวสะพานวิหารนี้เป็นสะพานที่แข็งแรงมากมุงหลังคาแบบโบราณเชื่อมต่อไปยังป้อมแปดเหลี่ยมกลางนํ้า จั่วแต่ละช่องของสะพานจะมีภาพเขียนเรื่องราวประวัติความเป็นมาของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นภาพเขียนเก่าแก่อายุกว่า 400 ปี แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบันสะพานไม้นี้ถูกไฟไหม้เสียหายไปมากต้องบูรณะสร้างขึ้นใหม่เกือบหมด นําท่านชมรูปแกะสลักสิงโตบนหน้าผาหิน เป็นอนุสาวรีย์ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ที่หัวของสิงโตจะมีโล่ห์ ซึ่งมีกากบาทสัญลักษณ์ของ สวิตเซอร์แลนด์อยู่ อนุสาวรีย์รูปสิงโตแห่งนี้ออกแบบและแกะสลักโดย ธอร์ วอลเส้น ใช้เวลาแกะสลักอยู่ราว 2 ปี ตั้งแต่ ค.ศ. 1819-1821 โดยสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารสวิสฯ ในด้านความกล้าหาญ ซื่อสัตย์ จงรักภักดี ที่ เสียชีวิตในประเทศฝรั่งเศส ระหว่างการต่อสู้ป้องกันพระราชวังในครั้งปฏิวัติใหญ่สมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่สนามบิน

22.15 น. ออกเดินทางสู่ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 86

(บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

วันที่เจ็ด ดูไบ-กรุงเทพฯ (ยูเออี-ไทย)

06.25 น. เดินทางถึงเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะเปลี่ยนเครื่อง

09.40 น. ออกเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบิน เอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 372

(บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

18.55 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ

Mannheim Baroque Palace.jpg
water-reflection-Tourism-Germany-bridge-
Lucerne_Wood_Bridge.jpg
Marienplatz ,Munich.jpg
rothenburg ob der tauber.jpg
bottom of page