top of page

วันแรก กรุงเทพฯ (ไทย)    
18.00 น. พร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 ประตู 9 แถว T สายการบินเอมิเรตส์ (EK) เจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับพร้อมอำนวยความสะดวก
21.05 น. ออกเดินทางสู่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 373 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

วันที่สอง ดูไบ-มิวนิค-สนามฟุตบอลอัลลิอันซ์ อารีน่า-BMW Welt-พระราชวังนิมเฟนบูร์ก-จัตุรัสมาเรียน (ยูเออี-เยอรมนี)
01.00 น. ถึงสนามบินเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะเปลี่ยนเครื่อง  
04.00 น. เดินทางสู่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 53 
(บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)
08.35 น. ถึงสนามบินเมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว นำท่านถ่ายรูปด้านหน้าสนามฟุตบอลอัลลิอันซ์ อารีน่า จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ BMW WELT อาคารสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ ที่ออกแบบเป็นรูปเมฆภายในจัดแสดงรถยนต์รุ่น ใหม่ทุกรุ่นของบีเอ็มดับบลิว อิสระท่านเลือกซื้อของที่ระลึกของบีเอ็มและมินิคูเปอร์

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร นำท่านถ่ายรูปบริเวณด้านหน้า พระราชวังนิมเฟนบูร์ก (Nymphenburg Palace) เป็นวังฤดูร้อนของพระราชวงศ์ผู้ปกครองบาวาเรีย ผู้ริเริ่มสร้างปราสาทคือเฟอร์ดินานด์ มาเรีย เจ้าชายอีเล็คเตอร์แห่งบาวาเรียและเฮ็นเรียตตา อเดลเลดแห่งซาวอยตามแบบของสถาปนิกอากอสติโนบาเรลลิในปี ค.ศ. 1664 หลังจากทรงมี พระโอรสองค์แรก, แม็กซิมิลเลียน ที่ 2 เอ็มมานูเอลเจ้าชาย อีเล็คเตอร์แห่งบาวาเรีย ส่วนกลางของวังสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1675 ก่อนขับรถพาชมสถานที่สำคัญๆ อาทิ พระราชวังหลวงเรสซิเด้นท์ ฯลฯ นำท่านสู่บริเวณ จัตุรัสมาเรียน ย่านเมืองเก่าที่มีสถาปัตยกรรมอันเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของมิวนิค เซ่น ศาลาว่าการเก่า ในรูปแบบศิลปะโกธิค, หอคอยของโบสถ์แม่พระที่มีรูปแบบคล้ายหัวหอมใหญ่ อิสระให้ทุกท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัย
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร เข้าสู่ที่พัก  ณ Azimut Hotel Munchen City Ost หรือระดับเดียวกัน

วันที่สาม เมืองเก่าซาลบูร์ก-สวนมิราเบล-บ้านเกิดโมสาร์ท (เยอรมัน-ออสเตรีย)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองซาลบูร์ก ประเทศออสเตรีย ระหว่างทางมีวิวทิวทัศน์สวยงามเป็นเอกลักษณ์ออสเตรีย เนินภูเขาหญ้า สลับทะเลสาบตลอดเส้นทาง นำท่านชม สวนมิราเบล ให้ท่านเก็บบันทึกภาพประทับใจไว้เป็นที่ระลึก อีกทั้งที่นี่ยังเป็นสถานที่ถ่ายทำของ The Sound of Music ภาพยนต์เพลงที่ยิ่งใหญ่ฮอลิวู๊ด จากนั้นนำท่านข้ามแม่น้ำซาลส์ซัคสู่ย่านเมืองเก่า และแวะเก็บบันทึกภาพปราสาทโฮเฮ็นซาลส์บวร์ก ที่ตั้งโดดเด่นอยู่บนเนินเหนือเมืองเก่า

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร นำท่าน ชมเมืองเก่าซาลบูร์ก ที่มีชื่อเสียงในสถาปัตยกรรมบาร็อค ซึ่งได้รับการ

อนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะบริเวณเมืองเก่า จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1997 ซาลส์บวร์กตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำซาลซัค (Salzach) และมี อาณาเขตติดกับเทือกเขาแอลป์ นำท่านถ่ายรูป บ้านเลขที่ 9 เป็นบ้านเกิดของคีตกวีเอกในศตวรรษที่ 18 นามว่า วูล์ฟกัง อามาเดอุส โมสาท (Wolfgang Amadeus Mozart)  อิสระให้ท่านชมร้านค้าที่รายเรียงอยู่สองข้างทางถนนคนเดิน Geteidegasse หรือจะแวะสักการะมหาวิหารของซาลส์บวร์ก ที่ตั้งอยู่ตรงจัตุรัสกลางเมือง ซึ่งเป็นส่วนที่เป็นมรดกโลกยูเนสโก้ จดทะเบียนเมื่อปี ค.ศ.1996 ซึ่งก็เป็นปีเดียวที่ขึ้นทะเบียนให้ส่วนที่เป็นพระราชวังเชิร์นบรุนน์เมืองนี้ดูๆ อะไรก็โมสาร์ทไปหมด เพราะไม่ว่าช็อกโกแลตของที่ระลึกนับร้อยชนิดร้อยอย่างก็ ตรารูปโมสาร์ทไปหมดทั้งสิ้น
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก  ณ Austria Trend Salzburg West Hotel หรือ ระดับเดียวกัน 

วันที่สี่ ฮัลล์สตัทท์-อินส์บรูค-หลังคาทองคำ (ออสเตรีย)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม ออกเดินทางสู่เมืองฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt) หมู่บ้านมรดกโลกแสนสวย อายุกว่า 4,500 ปี เมืองที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบโอบล้อมด้วยขุนเขาและป่าสีเขียวขจีสวยงามราวกับภาพวาด กล่าวกันว่าเป็นเมืองที่โรแมนติกที่สุดใน Salzkammergut เขตที่อยู่บนอัพเพอร์ออสเตรีย และมีทะเลสาบสวยถึง 76 แห่ง ออสเตรียให้ฉายาเมืองนี้ว่าเป็นไข่มุกแห่งออสเตรีย และเป็นพื้นที่มรดกโลกของ UNESCO Cultural-Historical Heritage เพียงเดินเที่ยวชมเมืองเสมือนหนึ่งท่านอยู่ในภวังค์แห่งความฝัน

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร ออกเดินทางสู่เมืองอินส์บรูค (Innsbruck) เป็นเมืองหลวงของแคว้นทีโรล เป็นเมืองเอกด้านการท่องเที่ยวของประเทศออสเตรีย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอินซึ่งคำว่า “อินส์บรูคนั้น” แปลว่า สะพานแห่งแม่น้ำอินมีลักษณะแคบๆ แทรกตัวอยู่ระหว่างเทือกเขาแอลป์ ชมหลังคาทองคำ (Golden Roof) เป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมืองอินส์บรูค ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิ Friedrich ที่ 4 ในช่วงต้นศตวรรษที่ 15 สำหรับเป็นที่ประทับของผู้ปกครองแคว้นทิโรล ต่อมาจักรพรรดิ Maximilian
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร เข้าสู่ที่พัก  ณ Ramada Innsbruck Tivoli Hotel หรือระดับเดียวกัน

วันที่ห้า ฟุสเซ่น-ปราสาทนอยชวานสไตน์ (ออสเตรีย-เยอรมนี)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม เดินทางสู่ เมืองฟุสเซ่น (Füssen) เมืองชนบทเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ สุดถนนสายโรแมนติกเคยมีความรุ่งเรืองในอดีตตั้งแต่ยุคโรมันที่ใช้เมืองนี้เป็นจุดแวะพักขนถ่ายสินค้าและซื้อขายเกลือมาแต่โบราณเมืองที่ตั้งอยู่ทางแคว้นบาวาเรียตอนใต้ของเยอรมนี ติดชายแดนออสเตรียมีความงดงาม ทางด้านทัศนียภาพอันเป็นที่กล่าวถึงชมทิวทัศน์ริมสองข้างทางที่เต็มไปด้วยความเขียวขจีของขุนเขา

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าชมปราสาทนอยชวานสไตน์ ซึ่งเป็นปราสาทตั้งอยู่ในเทือกเขา สร้างในสมัยพระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย ในช่วง ค.ศ. 1845-86 เป็นปราสาทที่งดงามมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลก ตัวปราสาทตั้งอยู่บนบนหินผาขนาดใหญ่ยักษ์ สูงกว่า 200 เมตร เหนือเกาะแก่งของแม่น้ำพอลลัทเป็นปราสาทหลังใหญ่สีขาวตั้งอยู่กลางป่าเขาลำเนาไพรที่ซึ่งมีสีสันแปลกแปลงแตกต่างไปในแต่ละฤดูกาลได้ ปราสาทหลังนี้เพิ่งได้รับขนานนามว่า นอยชวานสไตน์ ก็เพียงภายหลังจากที่ กษัตริย์ลุดวิกที่ 2 ได้เสด็จสวรรคตแล้วในปี 1886 เที่ยวชมห้องต่างๆ อาทิ ห้องทรงงาน, ห้องบรรทม, ห้องฮอลล์ที่ใช้ในการแสดงโอเปร่าและคอนเสิร์ต แม้กระทั่งราชาการ์ตูนอย่าง วอล์ทดิสนีย์ ยังได้จำลองแบบปราสาทแห่งนีไปเป็นปราสาทในเทพนิยายอันเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของดิสนีย์แลนด์
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร เข้าสู่ที่พัก  ณ Euro Park Hotel หรือระดับเดียวกัน

วันที่หก ลูเซิร์น-รูปแกะสลักสิงโตบนหน้าผาหิน-สะพานไม้ชาเปล-สนามบินซูริค (เยอรมัน-สวิสฯ)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม เดินทางสู่เมืองลูเซิร์น (Lucerne) อดีตหัวเมืองโบราณของสวิตเซอร์แลนด์ เป็นดินแดนที่ได้รับสมญานามว่าหลังคาแห่งทวีปยุโรป (The roof of Europe) เพราะนอกจากจะมีเทือกเขาสูงเสียดฟ้าอย่างเทือกเขาแอลป์ แล้วก็ยังมีภูเขาใหญ่น้อยสลับกับป่าไม้ที่แทรกตัวอยู่ตามเนินเขาและไหล่เขาสลับแซมด้วยดงดอกไม้ป่าและทุ่งหญ้าอันเขียวชอุ่ม อิสระอาหารเที่ยงตามอัธยาศัย  นําท่านถ่ายรูปกับสะพานไม้ชาเปล หรือสะพานวิหาร(Chapel bridge) ซึ่งข้ามแม่นํ้ารอยซ์เป็นสะพานไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มีอายุหลายร้อยปีเป็นสัญลักษณ์และประวัติศาสตร์ของเมืองลูเซิร์นเลยทีเดียวสะพานวิหารนี้เป็นสะพานที่แข็ง

แรงมากมุงหลังคาแบบโบราณเชื่อมต่อไปยังป้อมแปดเหลี่ยมกลางนํ้า จั่วแต่ละช่องของสะพานจะมีภาพเขียนเรื่องราวประวัติความ

เป็นมาของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นภาพเขียนเก่าแก่อายุกว่า 400 ปี แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบันสะพานไม้นี้ถูกไฟไหม้เสียหายไปมากต้องบูรณะสร้างขึ้นใหม่เกือบหมด นําท่านชมรูปแกะสลักสิงโตบนหน้าผาหิน เป็นอนุสาวรีย์ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ที่หัวของสิงโตจะมีโล่ห์ ซึ่งมีกากบาทสัญลักษณ์ของ สวิตเซอร์แลนด์อยู่ อนุสาวรีย์รูปสิงโตแห่งนี้ออกแบบและแกะสลักโดย ธอร์ วอลเส้น ใช้เวลาแกะสลักอยู่ราว 2 ปี ตั้งแต่ ค.ศ. 1819-1821 โดยสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารสวิสฯ ในด้านความกล้าหาญ ซื่อสัตย์ จงรักภักดี ที่ เสียชีวิตในประเทศฝรั่งเศส ระหว่างการต่อสู้ป้องกันพระราชวังในครั้งปฏิวัติใหญ่สมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่สนามบิน
22.15 น. ออกเดินทางสู่ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ EK 86 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

วันที่เจ็ด ดูไบ-DUBAI FRAME-ตลาดทอง-ท่องทะเลทราย-SAND DUNE-แคมป์กระโจมแบบอาหรับ (ยูเออี-ดูไบ)
06.25 น. เดินทางถึงเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หลังผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและสัมภาระแล้วนำท่านเดินทางเข้าสู่เมืองดูไบแวะถ่ายรูปกับ DUBAI FRAME คือสถาปัตยกรรมหน้าตาคล้าย ‘กรอบรูป’ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดให้เข้าชมเมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา หลังจากผ่านกระบวนการก่อสร้างมาถึง 10 ปีเต็ม ด้วยเม็ดเงินกว่า 43.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.39 พันล้านบาท จากนั้นนำท่านเดินทางไปช้อปปิ้งที่ ตลาดทอง (Gold & Spicy Souk) เป็นตลาดทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขายทุกอย่างที่เป็น Jewelry เช่น มุก อัญมณี ต่างๆ ร้านเล็กๆ จะอยู่หลังร้านใหญ่ มีร้านทองมากมายกว่าร้อยล้าน ให้ท่านได้เลือกซื้อหาลวดลายอันสวยงาม แปลกตาหลากหลายดีไซน์

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พักเพื่อเตรียมตัว ท่องทะเลทราย (ท่านที่เมารถควรรับประทานยาแก้เมารถล่วงหน้า30นาที สำหรับท่านที่ไม่สามารถไปร่วมทัวร์ทะเลทรายได้ทางบริษัทไม่สามารถคืนค่าใช้จ่ายให้ได้ รวมถึงค่าอาหารเย็นด้วย ผู้เดินทางสามารถพักผ่อนตามอธยาศัย ณ โรงแรมที่พัก ท่านที่เดินทางไปท่องทะเลยทรายโปรดอย่าลืม!! นำเอาเสื้อแจ็คเก็ตกันลม, แว่นตา และกล้องถ่ายรูปไปด้วย) นำท่านขึ้นรถ 4WD (รถขับเคลื่อน 4 ล้อ) ท่านจะได้สนุกและตื่นเต้นพร้อมกับสัมผัสกับประสบการณ์อันแปลกใหม่กับการนั่งรถตะลุยไปบนดูน (SAND DUNE) ที่มีทั้งสูงและต่ำสลับกันไป ให้ท่านได้เล่นสกีทะเลทรายที่ท้าทายและหวาดเสียวแต่ปลอดภัย พร้อมชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงาม และโรแมนติค สมควรแก่เวลานำท่านสัมผัสชีวิตแบบเบดูอินพื้นเมืองพร้อมให้ท่านได้สนุกสนานกับการขี่อูฐ (ไม่รวมในค่าทัวร์) จากนั้นนำท่านพักผ่อนในแคมป์กระโจมแบบอาหรับ ให้ท่านได้สวมชุดพื้นเมืองของชาวอาหรับเพื่อถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก 
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำแบบบาร์บีคิว ณ  แคมป์กระโจมแบบอาหรับ จิบกาแฟหอมกรุ่นในบรรยากาศที่แสนสบาย ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับกิจกรรมต่างๆ ในแคมป์กระโจม อาทิ การสวมชุดพื้นเมืองชาวอาหรับ ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก การเพ้นท์มือแบบอาหรับ (Henna Tattoo) ลองสูบบารากู กลิ่นผลไม้ (Shi Sha) ชมโชว์ระบำหน้าท้อง (Belly Dance) ซึ่งเป็นศิลปะการร่ายรำที่เน้นการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อท้องและสะโพก สมควรแก่เวลานำท่านเข้าสู่ที่พัก  ณ Hotel ibis Deira City Centre หรือระดับเดียวกัน

วันที่แปด JUMERIAH  BEACH-รถไฟฟ้า MONORAIL-เดอะปาล์มไอส์แลนด์-ห้างดูไบมอลล์- ตึก BURJ KHALIFA

สนามบิน (ยูเออี-ไทย)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ พิพิธภัณฑ์ดูไบ (Dubai Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ ที่ทันสมัยที่สุดในตะวันออกกลางสร้างเมื่อศตวรรษที่ 19 บูรณะครั้งล่าสุดปี 1970 เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่สำคัญ เช่น การค้นพบงาน ศิลป์ ภายในหลุมฝังศพที่ Al Qusais ที่มีอายุ  มากกว่า 4,000 ปี เรื่องราวการค้าขายมุก ในประวัติศาสตร์ ก่อนการค้นพบน้ำมัน ประทับใจกับการนำเทคโนโลยีต่างๆ มาถ่ายทอด บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ ของชาวอาหรับโบราณ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ชายหาด Jumeirah Beach ซึ่งเป็นชายหาดตากอากาศที่สวยงามของดูไบ แวะถ่ายรูปกับโรงแรม Burj Al Arab โรงแรมสุดหรู ระดับ 7ดาว ที่สวยและหรูหราที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และมีชื่อเสียงของตะวันออกกลาง ที่ทุกคนใฝ่ฝันที่จะมีโอกาสเข้าไปสัมผัส ตั้งอยู่ริมอ่าวอาหรับ เป็นที่พักอาศัยของเศรษฐีชาวอาหรับ นำท่านเดินทางสู่ สถานีรถไฟฟ้า Monorail เพื่อเดินทางเข้าสู่โครงการเดอะปาล์มไอส์แลนด์ (The Palm Island) โครงการที่อลังการสุดยอดโปรเจคส์ของ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยการถมทะเล ให้เป็นเกาะเทียม สร้างเป็นรูปต้นปาล์ม 3 เกาะ บนเกาะมีที่พักโรงแรม รีสอร์ท ร้านค้า ภัตตาคาร รวมทั้งสำนักงานต่างๆ นับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับที่ 8 ของโลก

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจากนั้นนำท่านถ่ายรูปด้านหน้า ตึก BURJ KHALIFA ซึ่งเป็นตึกที่ได้ชื่อว่าสูงที่สุดในโลกที่มีความสูง 828 เมตร และให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าต่างๆมากมายที่ ห้างดูไบมอลล์ (DUBAI MALL) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นห้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนั้นท่านสามารถชมตู้ปลาที่มีขนาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย ซึ่งภายในยังมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่ใหญ่ที่สุดในโลกให้ท่านได้เลือกเข้าชมตามอัธยาศัย (ไม่รววมค่าเข้า) หรือชมความล้ำสมัยของน้ำพุเต้นระบำสุดอลังการซึ่งจัดแสดงในช่วงเย็นของทุกวันบริเวณด้านหน้าห้างดูไบมอลล์ โดยการแสงดระเริ่มทุกๆ 30 นาที อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัยเพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยวและช้อปปิ้ง ถึงเวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่สนามบินดูไบเพื่อเตรียมตัวเช็คอินและเดินทางกลับสู่กรุงเทพมหานคร

22.15 น. ออกเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบิน เอมิเรตส์ แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ EK 374

(บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

วันที่เก้า สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร  (ไทย)
 07.35 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ

12 มิถุนายน - 3 ตุลาคม 2562

วันเดินทาง

สายการบินเอมิเรตส์ (Emirates)

สายการบิน

รหัส : Ek013B

โปรแกรมทัวร์ : เยอรมัน ออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์ 9 วัน  *StopOver Dubai

รายละเอียดโปรแกรม :  มิวนิค สนามฟุตบอลอัลลิอันซ์ อารีน่า BMW Welt พระราชวังนิมเฟนบูร์กจัตุรัสมาเรียน

เมืองเก่าซาลบูร์ก สวนมิราเบลบ้านเกิดโมสาร์ท ฮัลล์สตัทท์ อินส์บรูค ลูเซิร์น รูปแกะสลักสิงโตบนหน้าผาหิน สะพานไม้ชาเปล *ดูไบ DUBAI FRAME ตลาดทอง ท่องทะเลทราย SAND DUNE แคมป์กระโจมแบบอาหรับ JUMERIAH  BEACH รถไฟฟ้า MONORAIL เดอะปาล์มไอส์แลนด์ ห้างดูไบมอลล์ ตึก BURJ KHALIFA 

ราคาเริ่มต้น : 50,900 TH

line-logo.png

ดาวน์โหลดใบสั่งจองโปรแกรมทัวร์

** รายการทัวร์ทางหน้าเว็บไซต์ เป็นการนำเสนอรายการเบื้องต้นเท่านั้น กรุณาติดต่อแผนกเซลล์ เพื่อขอรายการทัวร์ทุกครั้ง

6

2

1

3

5

4

7

8

9

6

Nymphenburg Palace 1.jpg
ชมเมืองเก่าซาลบูร์ก.jpg
Hallstatt.png
นอยชวานสไตน์ .jpg
Lucerne_Wood_Bridge.jpg
DUBAI FRAME.png
The Palm Island.jpg
BURJ KHALIFA.jpg

วันแรก กรุงเทพฯ (ไทย)    
18.00 น. พร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 ประตู 9 แถว T สายการบินเอมิเรตส์ (EK) เจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับพร้อมอำนวยความสะดวก
21.05 น. ออกเดินทางสู่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 373 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

วันที่สอง ดูไบ-มิวนิค-สนามฟุตบอลอัลลิอันซ์ อารีน่า-BMW Welt-พระราชวังนิมเฟนบูร์ก-จัตุรัสมาเรียน (ยูเออี-เยอรมนี)
01.00 น. ถึงสนามบินเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะเปลี่ยนเครื่อง  
04.00 น. เดินทางสู่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 53 
(บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)
08.35 น. ถึงสนามบินเมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว นำท่านถ่ายรูปด้านหน้าสนามฟุตบอลอัลลิอันซ์ อารีน่า จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ BMW WELT อาคารสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ ที่ออกแบบเป็นรูปเมฆภายในจัดแสดงรถยนต์รุ่น ใหม่ทุกรุ่นของบีเอ็มดับบลิว อิสระท่านเลือกซื้อของที่ระลึกของบีเอ็มและมินิคูเปอร์

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร นำท่านถ่ายรูปบริเวณด้านหน้า พระราชวังนิมเฟนบูร์ก (Nymphenburg Palace) เป็นวังฤดูร้อนของพระราชวงศ์ผู้ปกครองบาวาเรีย ผู้ริเริ่มสร้างปราสาทคือเฟอร์ดินานด์ มาเรีย เจ้าชายอีเล็คเตอร์แห่งบาวาเรียและเฮ็นเรียตตา อเดลเลดแห่งซาวอยตามแบบของสถาปนิกอากอสติโนบาเรลลิในปี ค.ศ. 1664 หลังจากทรงมี พระโอรสองค์แรก, แม็กซิมิลเลียน ที่ 2 เอ็มมานูเอลเจ้าชาย อีเล็คเตอร์แห่งบาวาเรีย ส่วนกลางของวังสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1675 ก่อนขับรถพาชมสถานที่สำคัญๆ อาทิ พระราชวังหลวงเรสซิเด้นท์ ฯลฯ นำท่านสู่บริเวณ จัตุรัสมาเรียน ย่านเมืองเก่าที่มีสถาปัตยกรรมอันเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของมิวนิค เซ่น ศาลาว่าการเก่า ในรูปแบบศิลปะโกธิค, หอคอยของโบสถ์แม่พระที่มีรูปแบบคล้ายหัวหอมใหญ่ อิสระให้ทุกท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัย
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร เข้าสู่ที่พัก  ณ Azimut Hotel Munchen City Ost หรือระดับเดียวกัน

วันที่สาม เมืองเก่าซาลบูร์ก-สวนมิราเบล-บ้านเกิดโมสาร์ท (เยอรมัน-ออสเตรีย)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองซาลบูร์ก ประเทศออสเตรีย ระหว่างทางมีวิวทิวทัศน์สวยงามเป็นเอกลักษณ์ออสเตรีย เนินภูเขาหญ้า สลับทะเลสาบตลอดเส้นทาง นำท่านชม สวนมิราเบล ให้ท่านเก็บบันทึกภาพประทับใจไว้เป็นที่ระลึก อีกทั้งที่นี่ยังเป็นสถานที่ถ่ายทำของ The Sound of Music ภาพยนต์เพลงที่ยิ่งใหญ่ฮอลิวู๊ด จากนั้นนำท่านข้ามแม่น้ำซาลส์ซัคสู่ย่านเมืองเก่า และแวะเก็บบันทึกภาพปราสาทโฮเฮ็นซาลส์บวร์ก ที่ตั้งโดดเด่นอยู่บนเนินเหนือเมืองเก่า

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร นำท่าน ชมเมืองเก่าซาลบูร์ก ที่มีชื่อเสียงในสถาปัตยกรรมบาร็อค ซึ่งได้รับการ

อนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะบริเวณเมืองเก่า จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1997 ซาลส์บวร์กตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำซาลซัค (Salzach) และมี อาณาเขตติดกับเทือกเขาแอลป์ นำท่านถ่ายรูป บ้านเลขที่ 9 เป็นบ้านเกิดของคีตกวีเอกในศตวรรษที่ 18 นามว่า วูล์ฟกัง อามาเดอุส โมสาท (Wolfgang Amadeus Mozart)  อิสระให้ท่านชมร้านค้าที่รายเรียงอยู่สองข้างทางถนนคนเดิน Geteidegasse หรือจะแวะสักการะมหาวิหารของซาลส์บวร์ก ที่ตั้งอยู่ตรงจัตุรัสกลางเมือง ซึ่งเป็นส่วนที่เป็นมรดกโลกยูเนสโก้ จดทะเบียนเมื่อปี ค.ศ.1996 ซึ่งก็เป็นปีเดียวที่ขึ้นทะเบียนให้ส่วนที่เป็นพระราชวังเชิร์นบรุนน์เมืองนี้ดูๆ อะไรก็โมสาร์ทไปหมด เพราะไม่ว่าช็อกโกแลตของที่ระลึกนับร้อยชนิดร้อยอย่างก็ ตรารูปโมสาร์ทไปหมดทั้งสิ้น
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก  ณ Austria Trend Salzburg West Hotel หรือ ระดับเดียวกัน 

วันที่สี่ ฮัลล์สตัทท์-อินส์บรูค-หลังคาทองคำ (ออสเตรีย)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม ออกเดินทางสู่เมืองฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt) หมู่บ้านมรดกโลกแสนสวย อายุกว่า 4,500 ปี เมืองที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบโอบล้อมด้วยขุนเขาและป่าสีเขียวขจีสวยงามราวกับภาพวาด กล่าวกันว่าเป็นเมืองที่โรแมนติกที่สุดใน Salzkammergut เขตที่อยู่บนอัพเพอร์ออสเตรีย และมีทะเลสาบสวยถึง 76 แห่ง ออสเตรียให้ฉายาเมืองนี้ว่าเป็นไข่มุกแห่งออสเตรีย และเป็นพื้นที่มรดกโลกของ UNESCO Cultural-Historical Heritage เพียงเดินเที่ยวชมเมืองเสมือนหนึ่งท่านอยู่ในภวังค์แห่งความฝัน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร ออกเดินทางสู่เมืองอินส์บรูค (Innsbruck) เป็นเมืองหลวงของแคว้นทีโรล เป็นเมืองเอกด้านการท่องเที่ยวของประเทศออสเตรีย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอินซึ่งคำว่า “อินส์บรูคนั้น” แปลว่า สะพานแห่งแม่น้ำอินมีลักษณะแคบๆ แทรกตัวอยู่ระหว่างเทือกเขาแอลป์ ชมหลังคาทองคำ (Golden Roof) เป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมืองอินส์บรูค ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิ Friedrich ที่ 4 ในช่วงต้นศตวรรษที่ 15 สำหรับเป็นที่ประทับของผู้ปกครองแคว้นทิโรล ต่อมาจักรพรรดิ Maximilian
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร เข้าสู่ที่พัก  ณ Ramada Innsbruck Tivoli Hotel หรือระดับเดียวกัน

วันที่ห้า ฟุสเซ่น-ปราสาทนอยชวานสไตน์ (ออสเตรีย-เยอรมนี)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม เดินทางสู่ เมืองฟุสเซ่น (Füssen) เมืองชนบทเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ สุดถนนสายโรแมนติกเคยมีความรุ่งเรืองในอดีตตั้งแต่ยุคโรมันที่ใช้เมืองนี้เป็นจุดแวะพักขนถ่ายสินค้าและซื้อขายเกลือมาแต่โบราณเมืองที่ตั้งอยู่ทางแคว้นบาวาเรียตอนใต้ของเยอรมนี ติดชายแดนออสเตรียมีความงดงาม ทางด้านทัศนียภาพอันเป็นที่กล่าวถึงชมทิวทัศน์ริมสองข้างทางที่เต็มไปด้วยความเขียวขจีของขุนเขา

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าชมปราสาทนอยชวานสไตน์ ซึ่งเป็นปราสาทตั้งอยู่ในเทือกเขา สร้างในสมัยพระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย ในช่วง ค.ศ. 1845-86 เป็นปราสาทที่งดงามมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลก ตัวปราสาทตั้งอยู่บนบนหินผาขนาดใหญ่ยักษ์ สูงกว่า 200 เมตร เหนือเกาะแก่งของแม่น้ำพอลลัทเป็นปราสาทหลังใหญ่สีขาวตั้งอยู่กลางป่าเขาลำเนาไพรที่ซึ่งมีสีสันแปลกแปลงแตกต่างไปในแต่ละฤดูกาลได้ ปราสาทหลังนี้เพิ่งได้รับขนานนามว่า นอยชวานสไตน์ ก็เพียงภายหลังจากที่ กษัตริย์ลุดวิกที่ 2 ได้เสด็จสวรรคตแล้วในปี 1886 เที่ยวชมห้องต่างๆ อาทิ ห้องทรงงาน, ห้องบรรทม, ห้องฮอลล์ที่ใช้ในการแสดงโอเปร่าและคอนเสิร์ต แม้กระทั่งราชาการ์ตูนอย่าง วอล์ทดิสนีย์ ยังได้จำลองแบบปราสาทแห่งนีไปเป็นปราสาทในเทพนิยายอันเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของดิสนีย์แลนด์
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร เข้าสู่ที่พัก  ณ Euro Park Hotel หรือระดับเดียวกัน

วันที่หก ลูเซิร์น-รูปแกะสลักสิงโตบนหน้าผาหิน-สะพานไม้ชาเปล-สนามบินซูริค (เยอรมัน-สวิสฯ)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม เดินทางสู่เมืองลูเซิร์น (Lucerne) อดีตหัวเมืองโบราณของสวิตเซอร์แลนด์ เป็นดินแดนที่ได้รับสมญานามว่าหลังคาแห่งทวีปยุโรป (The roof of Europe) เพราะนอกจากจะมีเทือกเขาสูงเสียดฟ้าอย่างเทือกเขาแอลป์ แล้วก็ยังมีภูเขาใหญ่น้อยสลับกับป่าไม้ที่แทรกตัวอยู่ตามเนินเขาและไหล่เขาสลับแซมด้วยดงดอกไม้ป่าและทุ่งหญ้าอันเขียวชอุ่ม อิสระอาหารเที่ยงตามอัธยาศัย  นําท่านถ่ายรูปกับสะพานไม้ชาเปล หรือสะพานวิหาร(Chapel bridge) ซึ่งข้ามแม่นํ้ารอยซ์เป็นสะพานไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มีอายุหลายร้อยปีเป็นสัญลักษณ์และประวัติศาสตร์ของเมืองลูเซิร์นเลยทีเดียวสะพานวิหารนี้เป็นสะพานที่แข็ง

แรงมากมุงหลังคาแบบโบราณเชื่อมต่อไปยังป้อมแปดเหลี่ยมกลางนํ้า จั่วแต่ละช่องของสะพานจะมีภาพเขียนเรื่องราวประวัติความ

เป็นมาของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นภาพเขียนเก่าแก่อายุกว่า 400 ปี แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบันสะพานไม้นี้ถูกไฟไหม้เสียหายไปมากต้องบูรณะสร้างขึ้นใหม่เกือบหมด นําท่านชมรูปแกะสลักสิงโตบนหน้าผาหิน เป็นอนุสาวรีย์ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ที่หัวของสิงโตจะมีโล่ห์ ซึ่งมีกากบาทสัญลักษณ์ของ สวิตเซอร์แลนด์อยู่ อนุสาวรีย์รูปสิงโตแห่งนี้ออกแบบและแกะสลักโดย ธอร์ วอลเส้น ใช้เวลาแกะสลักอยู่ราว 2 ปี ตั้งแต่ ค.ศ. 1819-1821 โดยสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารสวิสฯ ในด้านความกล้าหาญ ซื่อสัตย์ จงรักภักดี ที่ เสียชีวิตในประเทศฝรั่งเศส ระหว่างการต่อสู้ป้องกันพระราชวังในครั้งปฏิวัติใหญ่สมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่สนามบิน
22.15 น. ออกเดินทางสู่ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ EK 86 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

วันที่เจ็ด ดูไบ-DUBAI FRAME-ตลาดทอง-ท่องทะเลทราย-SAND DUNE-แคมป์กระโจมแบบอาหรับ (ยูเออี-ดูไบ)
06.25 น. เดินทางถึงเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หลังผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและสัมภาระแล้วนำท่านเดินทางเข้าสู่เมืองดูไบแวะถ่ายรูปกับ DUBAI FRAME คือสถาปัตยกรรมหน้าตาคล้าย ‘กรอบรูป’ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดให้เข้าชมเมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา หลังจากผ่านกระบวนการก่อสร้างมาถึง 10 ปีเต็ม ด้วยเม็ดเงินกว่า 43.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.39 พันล้านบาท จากนั้นนำท่านเดินทางไปช้อปปิ้งที่ ตลาดทอง (Gold & Spicy Souk) เป็นตลาดทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขายทุกอย่างที่เป็น Jewelry เช่น มุก อัญมณี ต่างๆ ร้านเล็กๆ จะอยู่หลังร้านใหญ่ มีร้านทองมากมายกว่าร้อยล้าน ให้ท่านได้เลือกซื้อหาลวดลายอันสวยงาม แปลกตาหลากหลายดีไซน์

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พักเพื่อเตรียมตัว ท่องทะเลทราย (ท่านที่เมารถควรรับประทานยาแก้เมารถล่วงหน้า30นาที สำหรับท่านที่ไม่สามารถไปร่วมทัวร์ทะเลทรายได้ทางบริษัทไม่สามารถคืนค่าใช้จ่ายให้ได้ รวมถึงค่าอาหารเย็นด้วย ผู้เดินทางสามารถพักผ่อนตามอธยาศัย ณ โรงแรมที่พัก ท่านที่เดินทางไปท่องทะเลยทรายโปรดอย่าลืม!! นำเอาเสื้อแจ็คเก็ตกันลม, แว่นตา และกล้องถ่ายรูปไปด้วย) นำท่านขึ้นรถ 4WD (รถขับเคลื่อน 4 ล้อ) ท่านจะได้สนุกและตื่นเต้นพร้อมกับสัมผัสกับประสบการณ์อันแปลกใหม่กับการนั่งรถตะลุยไปบนดูน (SAND DUNE) ที่มีทั้งสูงและต่ำสลับกันไป ให้ท่านได้เล่นสกีทะเลทรายที่ท้าทายและหวาดเสียวแต่ปลอดภัย พร้อมชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงาม และโรแมนติค สมควรแก่เวลานำท่านสัมผัสชีวิตแบบเบดูอินพื้นเมืองพร้อมให้ท่านได้สนุกสนานกับการขี่อูฐ (ไม่รวมในค่าทัวร์) จากนั้นนำท่านพักผ่อนในแคมป์กระโจมแบบอาหรับ ให้ท่านได้สวมชุดพื้นเมืองของชาวอาหรับเพื่อถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก 
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำแบบบาร์บีคิว ณ  แคมป์กระโจมแบบอาหรับ จิบกาแฟหอมกรุ่นในบรรยากาศที่แสนสบาย ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับกิจกรรมต่างๆ ในแคมป์กระโจม อาทิ การสวมชุดพื้นเมืองชาวอาหรับ ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก การเพ้นท์มือแบบอาหรับ (Henna Tattoo) ลองสูบบารากู กลิ่นผลไม้ (Shi Sha) ชมโชว์ระบำหน้าท้อง (Belly Dance) ซึ่งเป็นศิลปะการร่ายรำที่เน้นการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อท้องและสะโพก สมควรแก่เวลานำท่านเข้าสู่ที่พัก  ณ Hotel ibis Deira City Centre หรือระดับเดียวกัน

วันที่แปด JUMERIAH  BEACH-รถไฟฟ้า MONORAIL-เดอะปาล์มไอส์แลนด์-ห้างดูไบมอลล์- ตึก BURJ KHALIFA

สนามบิน (ยูเออี-ไทย)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ พิพิธภัณฑ์ดูไบ (Dubai Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ ที่ทันสมัยที่สุดในตะวันออกกลางสร้างเมื่อศตวรรษที่ 19 บูรณะครั้งล่าสุดปี 1970 เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่สำคัญ เช่น การค้นพบงาน ศิลป์ ภายในหลุมฝังศพที่ Al Qusais ที่มีอายุ  มากกว่า 4,000 ปี เรื่องราวการค้าขายมุก ในประวัติศาสตร์ ก่อนการค้นพบน้ำมัน ประทับใจกับการนำเทคโนโลยีต่างๆ มาถ่ายทอด บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ ของชาวอาหรับโบราณ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ชายหาด Jumeirah Beach ซึ่งเป็นชายหาดตากอากาศที่สวยงามของดูไบ แวะถ่ายรูปกับโรงแรม Burj Al Arab โรงแรมสุดหรู ระดับ 7ดาว ที่สวยและหรูหราที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และมีชื่อเสียงของตะวันออกกลาง ที่ทุกคนใฝ่ฝันที่จะมีโอกาสเข้าไปสัมผัส ตั้งอยู่ริมอ่าวอาหรับ เป็นที่พักอาศัยของเศรษฐีชาวอาหรับ นำท่านเดินทางสู่ สถานีรถไฟฟ้า Monorail เพื่อเดินทางเข้าสู่โครงการเดอะปาล์มไอส์แลนด์ (The Palm Island) โครงการที่อลังการสุดยอดโปรเจคส์ของ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยการถมทะเล ให้เป็นเกาะเทียม สร้างเป็นรูปต้นปาล์ม 3 เกาะ บนเกาะมีที่พักโรงแรม รีสอร์ท ร้านค้า ภัตตาคาร รวมทั้งสำนักงานต่างๆ นับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับที่ 8 ของโลก

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจากนั้นนำท่านถ่ายรูปด้านหน้า ตึก BURJ KHALIFA ซึ่งเป็นตึกที่ได้ชื่อว่าสูงที่สุดในโลกที่มีความสูง 828 เมตร และให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าต่างๆมากมายที่ ห้างดูไบมอลล์ (DUBAI MALL) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นห้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนั้นท่านสามารถชมตู้ปลาที่มีขนาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย ซึ่งภายในยังมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่ใหญ่ที่สุดในโลกให้ท่านได้เลือกเข้าชมตามอัธยาศัย (ไม่รววมค่าเข้า) หรือชมความล้ำสมัยของน้ำพุเต้นระบำสุดอลังการซึ่งจัดแสดงในช่วงเย็นของทุกวันบริเวณด้านหน้าห้างดูไบมอลล์ โดยการแสงดระเริ่มทุกๆ 30 นาที อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัยเพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยวและช้อปปิ้ง ถึงเวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่สนามบินดูไบเพื่อเตรียมตัวเช็คอินและเดินทางกลับสู่กรุงเทพมหานคร

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


22.15 น. ออกเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบิน เอมิเรตส์ แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ EK 374

(บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

วันที่เก้า สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร  (ไทย)
 07.35 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ

bottom of page