top of page

First Time Flying : ขึ้นเครื่องบินครั้งแรกทำไงดี เตรียมอะไรบ้าง


อะไรที่เพิ่งทำเป็นครั้งแรกมักจะทำให้รู้สึกตื่นเต้นและแอบกลัวอยู่นิดๆ เสมอ สำหรับมือใหม่หัดเที่ยว การขึ้นเครื่องบินครั้งแรกอาจไม่ได้น่ากังวลอย่างที่คิดก็ได้นะ หากใครยังไม่ค่อยมั่นใจว่าควรจะต้องเตรียมตัวยังไงดี หรือเตรียมเอกสารอะไรบ้าง วันนี้เรามีคำตอบมาให้ตั้งแต่ก่อนขึ้นเครื่องไปจนถึงเครื่องลงเลยทีเดียว

Baggage

เริ่มตั้งแต่เรื่องของกระเป๋าเดินทางกันเลย สิ่งของที่สามารถใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทางแบบโหลดใต้เครื่องและแบบถือขึ้นเครื่องนั่นก็จะมีของต้องห้ามแตกต่างกันไป อีกทั้งเรื่องของขนาดและน้ำหนักกระเป๋าแต่ละสายการบินก็มีกฏไม่เหมือนกันอีก ก่อนจัดกระเป๋าจึงควรตรวจเช็ครายละเอียดให้แน่ใจจะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม เข้าไปอ่านรายละเอียดได้ที่นี่เลยเรื่อง น้ำหนักและขนาดของกระเป๋าเดินทางสำหรับขึ้นเครื่อง

สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่หลายๆ คนมักลืมกันคือปากกา ควรมีติดตัวไว้สักหนึ่งแท่งโดยเฉพาะคนที่เดินทางไปต่างประเทศเพราะจะต้องใช้กรอกเอกสารข้อมูลต่างๆ ก่อนเข้าประเทศ ไม่แนะนำให้หยิบยืมจากคนที่ไม่รู้จัก


Check-in

เมื่อไปถึงสนามบินสามารถตรวจหาเคาน์เตอร์สายการบินที่เปิดให้บริการสำหรับเที่ยวบินของเรา โดยดูที่บอร์ดตารางเที่ยวบินขาออกได้ สำหรับเรื่องของการเช็คอินปัจจุบันมีวิธีให้เลือกหลายวิธีด้วยกัน เช่น

เช็คอินทางเว็บไซต์หรือมือถือ

- สำหรับคนที่ไม่อยากยืนรอต่อแถวเช็คอินนานๆ เป็นการเช็คอินออนไลน์ผ่านเว็บไซต์หรือแอปมือถือของสายการบิน

- ส่วนใหญ่จะเปิดให้เช็คอินก่อนออกเดินทาง 24 ชั่วโมง (บางสายการบินก็จะเปิดให้เช็คอินก่อนหน้า

หลายวัน)

- จะปิดก่อนเวลาเดินทาง 1 - 2 ชั่วโมง

- ปริ้น Boarding Pass จากเว็บไซต์ เมื่อไปถึงสนามบินก็ไปที่เคาน์เตอร์โหลดกระเป๋าได้เลย (บางสายการบินก็ไปรับ Boarding Pass ที่เคาน์เตอร์ตอนโหลดกระเป๋า) เช็คอินผ่านตู้คีออส

- บางสายการบิน ในสนามบินใหญ่ๆ จะมีตู้เช็คอินแบบบริการตนเอง ซึ่งส่วนใหญ่จะเปิดให้บริการเช็คอินผ่านตู้ประมาณ 24 ชั่วโมงจนถึง 1 ชั่วโมงก่อนเวลาออกเดินทาง

- โดยต้องสแกนพาสปอร์ตหรือตั๋วเครื่องบินอิเล็กทรอนิกส์ และทำตามขั้นตอนไปเรื่อยๆ

- เมื่อเสร็จเรียบร้อยเครื่องจะพิมพ์ Boarding Pass ออกมา หากมีกระเป๋าที่ต้องโหลดใต้เครื่องก็นำไปที่เคาน์เตอร์โหลดกระเป๋าได้เลย เคาน์เตอร์เช็คอิน

- อาจจะเป็นวิธีที่ง่ายและดีที่สุดสำหรับคนที่บินเป็นครั้งแรก แม้จะต้องใช้เวลานานที่สุดก็ตาม เพราะเพียงแค่ยื่นพาสปอร์ต (ถ้าบินในประเทศใช้บัตรประชาชน) หรือตั๋วเครื่องบินอิเล็กทรอนิกส์ให้เจ้าหน้าที่เท่านั้น

- หลายๆ สายการบินเจ้าหน้าที่จะช่วยอธิบายการดู Boarding Pass ให้ด้วยว่าต้องไปรอที่ประตูขึ้นเครื่องหมายเลขอะไร เวลาเท่าไร

- ใครที่เดินทางเป็นครอบครัวหรือไปด้วยกันกับเพื่อนให้เข้าไปเช็คอินพร้อมกันได้เลย เพราะส่วนใหญ่แล้วถ้ามีที่นั่งว่างเจ้าหน้าที่สายการบินก็จะจัดที่นั่งให้นั่งใกล้ๆ กัน (สำหรับคนที่ไม่ได้จองที่นั่งล่วงหน้า) แต่ถ้าไม่มีที่นั่งว่างใกล้กันก็จะต้องนั่งแยกกันไป

- หากต้องการเช็คอินที่เคาน์เตอร์ข้อสำคัญคือ ควรมาก่อนเวลาเครื่องออกอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง ส่วนใหญ่แล้วเคาน์เตอร์จะเปิดให้บริการก่อนเวลาเครื่องออก 3 ชั่วโมงและจะปิดไม่ให้เช็คอิน 45 นาที - 1 ชั่วโมงก่อนเวลาออกเดินทาง ถ้าไม่ทันและเคาน์เตอร์ปิดก่อน ต่อให้ยังไม่ถึงเวลาที่เครื่องก็ตาม ก็ถือว่าตกเครื่องแล้ว


Departure

สำหรับบินไปต่างประเทศ เมื่อเช็คอินและโหลดกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว หากต้องการซื้อสินค้าปลอดภาษีใน Duty free ให้เตรียม Boarding Pass และพาสปอร์ตไว้ เพื่อผ่านจุดตรวจ 3 จุดด้วยกันคือ

- จุดตรวจบัตรโดยสาร

- ต่อไปยังจุดตรวจค้น ใครที่พกของเหลวเกินขนาดหรือพกของต้องห้าม จะโดนทิ้งของตรงจุดนี้

- สุดท้ายไปยังจุดตรวจหนังสือเดินทาง จะมีทั้งตรวจที่เคาน์เตอร์และเครื่องตรวจอัตโนมัติ ซึ่งตรวจผ่านเครื่องตรวจอัตโนมัติแถวจะสั้นและเร็วกว่า แต่หากใครที่พาสปอร์ตไม่ได้แจ้งวันเกิดไว้ (เช่น ผู้สูงอายุบางท่าน) ต้องตรวจผ่านเคาน์เตอร์เท่านั้น

จะเดินเล่น กินข้าว หรือช้อปปิ้งก็อย่าลืมดูเวลาด้วยล่ะ ควรไปรอที่ประตูขึ้นเครื่องอย่างน้อยก่อนเวลาออกเดินทาง 30 – 40 นาที หรือดูเวลาได้ใน Boarding Pass ตรงส่วนของ Boarding Time พนักงานของสายการบินจะประกาศแจ้งที่หน้าประตูขึ้นเครื่องเมื่อถึงเวลาพร้อมให้ขึ้นเครื่องแล้ว และประตูขึ้นเครื่องจะปิดก่อนเวลาออกเดินทาง 10 นาที ดังนั้นถ้าเดินเล่นเพลินแล้วมาถึงประตูขึ้นเครื่องก่อนเวลาเครื่องออก 8 นาทีก็ขึ้นเครื่องไม่ทันแล้วนะ


Take off

- ขึ้นเครื่องได้แล้วก็ตรงไปที่นั่งตามหมายเลขที่นั้งได้เลย กระเป๋าถือ carry-on ให้ใส่ไว้ที่ช่องเก็บของบนศีรษะ

- ส่วนกระเป๋าถือใบเล็กสามารถวางใต้เบาะที่นั่งได้ เผื่อต้องหยิบของใช้จำเป็น เช่น ยา

- เมื่อนั่งที่แล้วแนะนำให้รัดเข็มขัดทันทีเมื่อ

- เครื่องบินทำการ Take off แล้ว ให้สังเกตได้จากสัญญาณไฟรูปเข็มขัดบนศีรษะ เมื่อสัญญาณไฟดับแล้วสามารถปลดเข็มขัดลุกไปเข้าห้องน้ำได้

- ขณะอยู่บนเครื่องบินควรเปลี่ยนโทรศัพท์ให้เป็น Flight mode แต่บางสายการบินอาจจะประกาศขอความร่วมมือปิดโทรศัพท์มือถือตลอดเที่ยวบิน


Transfer

ถ้าต้องแวะเปลี่ยนเครื่อง เมื่อเครื่องลงแล้วให้เดินตามป้าย Tranfer counter หรือ Tranfer Desk จากนั้นหาตารางเที่ยวบินเพื่อดูว่าเที่ยวบินที่เราต้องต่อเครื่องนั้นอยู่ด้านไหนของสนามบิน จากนั้นต้องผ่านจุดตรวจค้นเพื่อไปรอยังบริเวณที่พักผู้โดยสารได้

สนามบินใหญ่ๆ เช่น สนามบินอินชอน, สนามบินชางงี, สนามบินนาริตะ จะมีจุดให้นั่งหรือนอนพักผ่อนขณะรอเปลี่ยนเครื่องได้ ดูที่นอนในสนามบินได้ที่นี่เลย นอนสนามบิน 5 แห่งในเอเชีย สำหรับสายเที่ยวแบบประหยัด

ถ้าต้องรอนานๆ หลายชั่วโมงบางสนามบินมีบริการ Transit tour พาเที่ยวชมเมืองอีกด้วย ดูรายละเอียดได้ที่นี่เลย 7 สนามบิน ที่มี Transit Tour พาออกไปเที่ยวฟรี แต่ถ้ามีเวลาเปลี่ยนเครื่องเพียงแค่ 1 – 2 ชั่วโมงแนะนำว่าเมื่อลงเครื่องแล้วให้รีบไปยังประตูขึ้นเครื่องของเที่ยวบินถัดไปอย่างเร็วที่สุด เพราะถ้าไม่รีบอาจมีโอกาสตกเครื่องได้

เรื่องของกระเป๋าเดินทางที่เราโหลดใต้เครื่องกับการเปลี่ยนเครื่องบินนั้น ให้สอบถามตั้งแต่ตอนโหลดกระเป๋าที่สนามบินต้นทางเลยว่าเราจะต้องไปรับกระเป๋าเดินทางที่ไหน ส่วนใหญ่ถ้าเปลี่ยนเครื่องในสายการบินเดียวกันก็สามารถไปรับกระเป๋าที่เมืองจุดหมายปลายทางได้เลย แต่บางครั้งการเปลี่ยนเที่ยวบินที่ต่างสายการบินกันอาจจะต้องรับกระเป๋าออกมาแล้วโหลดไปใหม่อีกครั้ง

Arrival

- หากเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศขณะอยู่บนเครื่องบินแอร์โฮสเตสจะนำใบ Arrival Card และ Customs Declaration Form มาให้กรอกรายละเอียด เพื่อใช้สำหรับยื่นให้เจ้าที่ตรวจคนเข้าเมืองพร้อมกับพาสปอร์ต - เมื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว ให้หาจอที่บอกรายละเอียดเที่ยวบินที่เรานั่งมาว่าให้รับกระเป๋าที่สายพานไหน

- ส่วนใหญ่แล้วที่รับกระเป๋าจะอยู่ไม่ไกลจากจุดที่เราได้ออกมามากนัก

- เมื่อรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้วบางสนามบินอาจจะมีการซุ่มตรวจกระเป๋าอีกรอบ ถ้าไม่มีสิ่งของน่าสงสัยก็ผ่านได้สบายๆ ผ่านจุดนี้ก็ออกจากสนามบินแล้วเดินทางท่องเที่ยวกันได้เลย


ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ www.govivigo.com

ดู 381 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page